Pages

Last Modified: Monday, November 21, 2016

หมอยาเจ้าเสน่ห์: จอมใจราชาปีศาจ บทที่ 70-72

บทที่70 ชีวิตรักอันขมขื่นของหยากุ้ยเฟย ตอนที่3


เมื่อมู่หรูเยว่เห็นจี้หรูหยาเอาแต่ร้องไห้คร่ำครวญ นางก็พูดไม่ออกไปชั่วขณะ นางเองก็ผ่านประสบการณ์ชีวิตแย่ๆมาก่อน ถึงชาติที่แล้วมือของนางเคยแปดเปื้อนเลือด แต่ก็รู้ดีว่าการบังคับเอาสิ่งของโดยทุจริตเป็นเรื่องไม่สมควร หากผู้อื่นไม่ยั่วยุนางก่อน นางย่อมไม่ยุ่งกับผู้นั้น แต่หากผู้อื่นคิดรังแกนางเมื่อไหร่ นางเองก็ไม่ใช่คนประเภทที่ยอมให้รังแกโดยง่ายเหมือนกัน

มู่หรูเยว่พลันคลี่ยิ้มเย็น ชาติก่อนนางก็ตายด้วยเหตุนี้เหมือนกันไม่ใช่หรือ? คนไม่ผิด ผิดที่ครอบครองหยก เพียงเพื่อครอบครองตำราเทพโอสถแล้วคนพวกนั้นยอมเสียเวลาออกตามล่านางตลอดหลายเดือน

“แม่นางมู่” หยากุ้ยเฟยหยุดร้องไห้และเงยหน้าขึ้น ใช้นัยน์ตาที่ยังคงคลอไปด้วยน้ำตาจ้องมองมู่หรูเยว่พลางเอ่ย “ไม่นานมานี้ข้าได้เจอญาติผู้พี่ของข้าแล้ว เขาเองก็เข้ามาในวังหลวง กลายมาเป็นหัวหน้าองครักษ์ ตอนนี้ข้าล้มเลิกความคิดที่จะแก้แค้นเพียงหวังว่าจะได้ออกจากวังหลวงพร้อมเขา ไปใช้ชีวิตสงบสุขในสถานที่เงียบๆสักแห่ง”

“ท่านยอมล้มเลิกความคิดที่จะแก้แค้นจริงๆหรือ?” มู่หรูเยว่จ้องมองจี้หรูหยาด้วยความแปลกใจ นางรู้สึกได้ถึงความโกรธแค้นในใจของนาง เหตุใดนางถึงยอมล้มเลิกความตั้งใจง่ายดายถึงเพียงนี้?

“ถูกต้อง ข้าล้มเลิกความตั้งใจเพราะรู้ว่าแม่นางมู่ต้องแก้แค้นแทนข้า” จี้หรูหยากลั้วหัวเราะ รอยยิ้มที่ปรากฏกลางใบหน้าที่เปื้อนน้ำตาดูมีเสน่ห์อย่างประหลาด “ข้ามองออกชัดเจนว่าคนตระกูลมู่เป็นอย่างไร เขาไม่มีทางปล่อยให้ยอดอัจฉริยะอย่างท่านหลุดมือไปได้ สำหรับมู่ชิงแล้ว หากเขาไม่สามารถใช้ประโยชน์จากอัจฉริยะผู้นั้น เขาย่อมชิงสังหารอัจฉริยะผู้นั้นก่อนที่จะก่อปัญหาในภายภาคหน้า เขาเป็นชายจิตใจชั่วร้าย มีหรือแม่นางมู่จะปล่อยให้เขาตามอำเภอใจง่ายๆ? เป็นไปได้ว่าอีกไม่นาน มู่ชิงคงต้องตายด้วยเงื้อมมือท่าน”

จี้หรูหยาเป็นหญิงสาวที่ฉลาดเฉลียวอย่างไม่ต้องสงสัย นางใช้เวลาเพียงน้อยนิดก็สามารถมองสถานการณ์ออกอย่างทะลุปรุโปร่ง อีกทั้งยังสามารถคาดได้ว่า คนอย่างมู่หรูเยว่ ไม่ใช่คนประเภทที่ยอมอยู่ในแคว้นเล็กๆอย่างสือเยว่

นางต้องออกเดินทางไปยังดินแดนกว้างใหญ่เป็นแน่

“นี่คือเหตุผลที่ท่านมาหาข้าในวันนี้หรือ?” มู่หรูเยว่ขมวดคิ้ว จี้หรูหยาทำให้นางรู้สึกประทับใจเป็นอย่างมาก หากมู่ชิงคิดสังหารนางจริง ตระกูลมู่ก็คงหนีไม่พ้นต้องถูกทำลาย

“ถูกต้อง” จี้หรูหยาเหลือบนัยน์ตาคู่สวยขึ้น จ้องมองใบหน้าที่อ่อนเยาว์และงดงามตรงหน้า พลางเอ่ยยิ้มๆ “ข้าหวังเพียงแค่ให้มู่ชิงได้รับการลงโทษ ให้เขาได้รับรู้ว่าอะไรคือกฎแห่งกรรม ความชั่วช้าที่ทำเอาไว้ต้องได้รับผลกรรมอย่างสาสม ข้าไม่จำเป็นต้องลงมือเองก็ได้ ตอนนี้ข้าเพียงอยากออกผจญโลกกว้างไปกับญาติผู้พี่ของข้า แม่นางมู่ ท่านสัญญากับข้าเรื่องหนึ่งได้หรือไม่? ในอนาคตหากท่านมีกำลังกล้าแข็งเหนือกว่าคนในราชสำนัก ท่านช่วยข้าหนีจากฮ่องเต้ผู้นั้นได้หรือไม่?”

สิ่งที่ญาติผู้พี่กล่าวนั้นถูกต้อง ความโกรธแค้นนั้นปลูกฝังอยู่ในจิตใจของนาง ในเมื่อไม่ช้าก็เร็วมีคนจะจัดการกับตระกูลมู่อยู่แล้ว นางควรจะปล่อยวางความโกรธแค้นนั้นลงและออกไปผจญโลกกว้างกับเขา

ในวันที่มู่ชิงได้รับผลกรรมอย่างสาสม นางจะนำป้ายวิญญาณของบิดามารดาออกมาให้พวกท่านเห็นกับตาว่าจุดจบของศัตรูอย่างเขาจะเป็นอย่างไร

เมื่อเห็นนัยน์ตาที่เป็นประกายด้วยความหวังของจี้หรูหยา มู่หรูเยว่ก็ลอบถอนใจออกมา หยากุ้ยเฟยช่างเป็นหญิงที่น่าสงสารนัก เป็นเพราะโชคชะตาเล่นตลก หญิงสาวที่ควรจะมีความสุขกลับต้องมาทนทุกข์อยู่ในสถานการณ์แบบนี้

“ท่านเคยช่วยเหลือข้าครั้งหนึ่งในวัง ดังนั้นข้ารับปากท่าน ในวันข้างหน้าหากข้ามีกำลังกล้าแข็งเหนือกว่าคนในราชสำนัก ข้าจะช่วยให้ท่านกับคู่หมั้นของท่านหนีออกจากวังอย่างแน่นอน ข้าสัญญาต่อท่าน”

จี้หรูหยานัยน์ตาเป็นประกาย นางลุกขึ้นและเดินมาหยุดเบื้องหน้าของมู่หรูเยว่ โค้งคำนับอย่างตื้นตันใจ “แม่นางมู่ โปรดรับการคารวะจากข้า หากท่านสามารถช่วยพาข้าออกจากวังได้ข้าจะไม่ลืมบุญคุณของท่านเลย นับจากนี้ไปหากท่านต้องการความช่วยเหลือจาก ข้า จี้หรูหยา จะทุ่มเทช่วยเหลือท่านอย่างสุดความสามารถ”

บทที่71 ยาชำระไขกระดูก ตอนที่1


“แม่นางจี ข้าเพียงแค่ตอบแทนท่าน ท่านไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ก็ได้” มู่หรูเยว่เพียงโบกมือ ส่งพลังขุมหนึ่งออกไปประคองร่างของนางให้ลุกขึ้น

จี้หรูหยาเพียงจ้องมองด้วยความประหลาดใจ ไม่ได้เอ่ยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่

“แม่นางมู่ ยามนี้ก็สายมากแล้ว ข้าคงต้องขอตัวกลับวังหลวงก่อน” อาจเพราะว่ามู่หรูเยว่ยอมรับปากนาง จี้หรูหยาในยามนี้จึงดูอารมณ์ดีขึ้นมาก “ข้าเชื่อว่าแม่นางมู่ไม่ใช่คนที่ยอมอยู่ในบ่อเล็กๆ ในวันข้างหน้าต้องเติบใหญ่เป็นพญามังกรทองที่สามารถพลิกชะตาฟ้าดินได้เป็นแน่ แคว้นเล็กๆอย่างสือเยว่ไม่ใช่สถานที่ที่คู่ควรกับท่าน”

เวลานี้จี้หรูหยารู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก ความสัมพันธ์ของมู่หรูเยว่กับมู่ชิงไม่ได้เลวร้ายธรรมดา หากแต่เลวร้ายถึงขีดสุด ไม่อย่างนั้นคงไม่อาจล้างแค้นบิดามารดาของตนได้

มู่หรูเยว่คลี่ยิ้มเป็นเชิงยอมรับในคำกล่าวของจี้หรูหยา ความทะเยอทะยานของนางไม่ได้หยุดอยู่แค่ดินแดนเล็กๆ แต่เป็นดินแดนภาคกลางที่ซึ่งมีผู้แกร่งกล้ามากมายรวมตัวกันอยู่ต่างหาก

เมื่อเห็นมู่หรูเยว่มีท่าทีเช่นนั้น จี้หรูหยาก็ยิ้มกริ่ม หากมู่ชิงรู้ว่าตนได้ทอดทิ้งยอดอัจฉริยะเช่นนี้ไป ไม่รู้ว่าเขาจะเสียดายถึงเพียงไหน?

นางหวังจะได้เห็นท่าทางน่าสังเวชของเขายามที่เต็มไปด้วยความเสียดายอย่างสุดซึ้ง

ถึงแม้ว่าจี้หรูหยาจะไม่รู้เกี่ยวกับผลทดสอบพรสวรรค์ของมู่หรูเยว่ แต่นางก็รู้สึกว่าว่าเด็กสาวผู้นี้ไม่ใช่คนธรรมดา ในภายภาคหน้าทั่วทั้งดินแดนคงต้องปั่นป่วนด้วยการคงอยู่ของนาง

เมื่อจี้หรูหยาจากไป มู่หรูเยว่ก็ลุกขึ้นและมุ่งหน้าไปยังห้องปรุงยา

“ไม่รู้ว่า วันนี้ข้าจะสามารถปรุงยาปฐพีขั้นกลางได้หรือไม่” มู่หรูเยว่โบกมือ ตำราเทพโอสถปรากฏออกมาบนฝ่ามือ นางพลิกหน้ากระดาษไปเรื่อยๆ นัยน์ตาจับจ้องข้อความในหน้ากระดาษอย่างตั้งใจ

ตำราเทพโอสถไม่เพียงอธิบายถึงวิธีปรุงยาเท่านั้น ยังมีบันทึกเกี่ยวกับวิธีลัดในการเลื่อนระดับสู่ขั้นถัดไป เมื่อรวมเข้ากับการชี้แนะของอู๋หวี ยิ่งทำให้ความสามารถในการปรุงยาของนางพัฒนาอย่างรวดเร็ว

“ข้าจะลองปรุงยาชำระไขกระดูกระดับปฐพีชั้นกลางดู”

มู่หรูเยว่สูดลมหายใจลึก พยายามควบคุมจิตใจให้สงบ นางวางบัวหิมะเก้ากลีบไว้บนฝ่ามือ

จากนั้นนางก็ดึงกลีบเล็กๆออกมา จากนั้นจึงเก็บส่วนที่เหลือไว้ในแหวนสะสมดังเดิม

หากผู้คนรู้ว่านางนำบัวหิมะเก้ากลีบมาปรุงยาชำระไขกระดูก พวกเขาต้องกร่นด่าว่านางใช้เสียของเป็นแน่ หากนางต้องการจะใช้จริงๆก็ไม่ควรใช้อย่างสิ้นเปลืองเช่นนี้ เดิมทีบัวหิมะเก้ากลีบใช้ในการปรุงยาระดับสวรรค์ หากแต่นางกลับนำมันมาปรุงยาระดับปฐพี?

นี่ไม่เรียกเสียของแล้วจะเรียกอะไรได้อีก?

แต่สำหรับมู่หรูเยว่แล้ว นี่ไม่ถือเป็นเรื่องใหญ่โตอะไร

ต้องการบัวหิมะเก้ากลีบหรือ? นางแค่หาบัวหิมะแปดกลีบมาเปลี่ยนเป็นบัวหิมะเก้ากลีบเสียก็สิ้นเรื่อง ด้วยเหตุนี้เองนางจึงกล้าใช้มันอย่างสิ้นเปลืองเช่นนี้

“ยาชำระไขกระดูกจำเป็นต้องใช้ บัวหิมะเก้ากลีบ หญ้าใบม่วง ผลแปดหอม เม็ดบัวสวรรค์ และดอกชำระกระดูก...”

เมื่อจ้องมองสมุนไพรที่เรียงรายอยู่บนโต๊ะ นางก็คลี่ยิ้มอย่างพึงใจ นางดีดปลายนิ้วคราหนึ่ง เตาหลอมของนางก็ถูกห้อมล้อมด้วยเปลวเพลิง

ห้องปรุงยาที่มืดสลัว เริ่มสว่างเรืองรองด้วยแสงแห่งเปลวเพลิง....

เหยียนจิ้นอ้าปากหาวอย่างเกียจคร้าน เขานอนอ้อยอิ่งอยู่บนบ่าของมู่หรูเยว่ จ้องมองนางปรุงยา เขาชื่นชอบสรรพคุณจากสมุนไพรโดยตรงมากกว่าสมุนไพรที่ถูกหลอมออกมาเป็นยาลูกกลอน

ว่าแต่เด็กสาวผู้นี้ไปขโมยบัวหิมะเก้ากลีบมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?

เหยียนจิ้นนัยน์ตาเป็นประกาย เขาคลี่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ สมุนไพรต้นนั้นสามารถช่วยฟื้นคืนพละกำลังของเขาได้มาก ในเวลานี้เขาอ่อนแอเสียจนไม่สามารถปกป้องตัวเองได้ด้วยซ้ำ

ภายในเตาหลอม สมุนไพรที่กำลังแปรสภาพพยายามที่จะหลบหนีออกมาด้านนอก มีหรือมู่หรูเยว่จะยอมให้เป็นเช่นนั้น? นางรวบรวมกระแสจิตส่งเข้าไปทางช่องว่างเล็กๆเตาหลอม บังคับให้สมุนไพรทั้งหลายหลอมรวมเข้าด้วยกัน


บทที่72 ยาชำระไขกระดูก ตอนที่ 2


เมื่อเวลาผ่านพ้นไป ภายในห้องปรุงยาเต็มไปด้วยกลิ่นหอมอ่อนๆของสมุนไพร เมื่อมู่หรูเยว่โบกมือ ยาลูกกลอนที่เป็นประกายสีมรกตจำนวนหนึ่งก็ลอยออกจากเตาหลอมมาอยู่ที่มือของนาง

ประกายของมันทั้งสว่างและโปร่งใสราวกับเนื้อหยกยามต้องแสงแดด อีกทั้งยังส่งกลิ่นหอมอ่อนๆออกมา มู่หรูเยว่ค่อยๆนับยาลูกกลอมและพบว่ามียาอยู่ในเตาหลอมทั้งสิ้นสามสิบหกเม็ด

หากอู๋หวีได้มาเห็นเหตุการณ์นี้กับตา คงตกใจจนพูดไม่ออก

เด็กสาวผู้นี้สามารถปรุงยาระดับปฐพีชั้นกลางในครั้งแรกได้ทั้งสิ้นสามสิบหกเม็ด? ยอดอัจฉริยะระดับนี้ไม่น่าจะใช่มนุษย์แล้ว น่าจะเป็นปีศาจกลับชาติมาเกิดเสียมากกว่า

มู่หรูเยว่ไม่พูดพล่ามทำเพลง นางกลืนยาชำระไขกระดูกลงไปทันที

ทันใดนั้นกระแสลมปราณในร่างก็ปั่นป่วน ถึงขนาดได้ยินเสียงแตกของกระดูก มู่หรูเยว่ขบกรามแน่น เลือดซึมออกจากมุมหนึ่งของปาก

ผู้ฝึกวิทยายุทธ์ที่ผ่านการชำระไขกระดูกนั้นไม่ต่างอะไรกับการเกิดใหม่ กระบวนการของมันเจ็บปวดทรมานจนยากจะทานทน เวลานี้มู่หรูเยว่รู้สึกราวกับว่ามีกระแสพลังที่แข็งแกร่งวิ่งพล่านไปทั่วร่าง

เจ็บ!

นางรู้สึกราวกับชีพจรในร่างกำลังฉีกขาด...

มู่หรูเยว่ค่อยๆปิดเปลือกตา ร่างกายสั่นเทาด้วยความทรมาน ใบหน้าของนางเห็นได้ชัดว่าอยู่ในความทรมานจนซีดเผือด ถึงอย่างนั้นนางก็ทนรับความเจ็บปวดนั้น ขบกรามแน่นไม่ส่งเสียงออกมาแม้แต่น้อย

ทันใดนั้น พลังอบอุ่นสายหนึ่งถูกส่งเข้ามาในร่าง ความเจ็บปวดค่อยบรรเทาลง นางค่อยๆลืมตา พลันสบกับใบหน้าหล่อเหลางดงามราวกับไม่ใช่คนบนโลกนี้

“อู๋เฉิน เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร?” มู่หรูเยว่เอ่ยถามอย่างแปลกใจ หากนางมองไม่ผิด เมื่อครู่สายตาของเย่อู๋เฉินคล้ายมีความกังวลแฝงอยู่

กังวล? จะเป็นไปได้อย่างไร อู๋เฉินไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง เขาจะมีสีหน้าแบบนั้นได้อย่างไร

มู่หรูเยว่สั่นศีรษะ นางพยายามจ้องมองสายตาของเด็กหนุ่มที่กำลังกอดนางอยู่อีกครั้ง กลับพบแค่นัยน์ตาที่ใสกระจ่าง เป็นประกายเหมือนอย่างที่เคย...

เมื่อครู่นางต้องตาฝาดไปแน่ๆ

“ข้ามาตามหาชายา” อู๋เฉินคลี่ยิ้มใสซื่อ กระพริบตาครั้งหนึ่งพลางเอ่ย “เมื่อครู่ ข้าเห็นชายาท่าทางไม่ค่อยสบาย จึงอยากช่วยเหลือชายา”

เมื่อได้ยินเย่อู๋เฉินเอ่ยดังนั้น มู่หรูเยว่ก็พบว่าความเจ็บปวดจากการชำระไขกระดูกนั้นหายไปแล้ว นางจ้องมองเด็กหนุ่มหล่อเหลาตรงหน้าอย่างงุนงง “อู๋เฉิน เจ้าทำอะไรกับข้าหรือ”

อู๋เฉินจ้องตอบมู่หรูเยว่ด้วยท่าทางใสซื่อ “ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”

“เอาเถอะ” มู่หรูเยว่สั่นศีรษะ นางไม่รู้จะถามอะไรเขาอีก “อู๋เฉิน เจ้าออกไปก่อน ข้าจะตามไปทีหลัง”

ออกไปก่อน? ให้เขาปล่อยให้นางทรมานต่อน่ะหรือ? เขาจะทนได้อย่างไร? ตัวเขาเองก็ไม่เคยพบเจอผู้หญิงที่แข็งแกร่งเช่นนี้มาก่อน นางทนรับความเจ็บปวดจากการชำระไขกระดูกโดยไม่ยอมส่งเสียงร้องออกมาแม้แต่น้อย

เหยียนจิ้นจ้องมองรูปลักษณ์อันหล่อเหลาของเย่อู๋เฉิน นัยน์ตาทรงอำนาจจ้องมองเด็กหนุ่มด้วยสายตาเป็นประกาย

เด็กหนุ่มผู้นี้ไม่ธรรมดา จำเป็นต้องบอกให้นางรู้หรือไม่? แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่มีจุดประสงค์ชั่วร้ายแอบแฝง ดังนั้นเขาจะยังไม่บอกนางในตอนนี้ก็ได้

เย่อู๋เฉินราวกับรับรู้สายตาของเหยียนจิ้นที่จ้องมองมา จึงเหลือบตามองอีกฝ่าย สายตาคู่นั้นทำให้เหยียนจิ้นรู้สึกสั่นสะท้าน

เด็กหนุ่มผู้นี้แข็งแกร่งยิ่งนัก....

เหยียนจิ้นไม่เข้าใจ เหตุใดคนที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ถึงต้องแกล้งทำตัวเป็นคนโง่ด้วย? บางทีความคิดของคนบางประเภทก็ยากที่สัตว์อสูรอย่างเขาจะเข้าใจ....

----
โอยยกว่าท่านผู้เฒ่าจะมีบท แม่ยกลืมหมดโล้ววว

5 comments:

  1. เจ้าก้อนขนผู้ถูกลืม.... RIP

    ReplyDelete
  2. จำได้แค่ชื่อได้แค่พระเอกกับนางเอก ตัวอื่นก็ตัวประกอบ ฮ่าาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

    ReplyDelete
  3. โอยยยย
    เฉินเฉินแค่ใช้ปลายตามองเหยียนจิ้งก็หงอยแล้ว
    แต่หากเฉินเฉินทำใส่หรูเย่วคงจะโดนตะปบซะก่อนนะนี่

    ReplyDelete
  4. คือไม่เข้าใจว่าพระสนมออกมาจากวังได้ไง ออกง่ายขนาดนั้นเลย?

    พระเอกเรานี่เหมือนผีจริงๆ โผล่มาแบบไร้เสียงที่มา 555+

    ReplyDelete
  5. สัตว์อสูรในตำนานกลัวสายตามนุษย์ด้วยเหรอ

    ReplyDelete