บทที่ 144 โศกนาฏกรรมของมู่อี้เสี่ย ตอนที่ 3
“ผลกรรม?” มู่หรูเยว่แค่นเสียงเย็นชา มุมปากเผยรอยยิ้มหยัน “เจ้าไม่เคยได้ยินประโยคนี้หรือ? ยอมทำลายสิบอารามดีกว่าทำลายการแต่งงานครั้งเดียว เจ้าคิดว่าผู้ใดควรรับผลกรรมก่อน?”
มู่อี้เสี่ยจับจ้องมู่หรูเยว่ด้วยสายตาดุร้ายพลางเอ่ยอย่างเล่นลิ้นว่า “ข้าเพียงต้องการรับใช้องค์ชายเป็นชายารองของเขาเท่านั้น มิได้ต้องการทำลายชีวิตแต่งงานของพวกเจ้า”
ได้เห็นท่าทีของมู่อี้เสี่ยที่ราวกับสุกรไม่กลัวน้ำร้อนแล้ว มู่หรูเยว่พลันรู้สึกอับจนหนทาง เด็กสาวผู้นี้ถูกมู่ชิงตามใจตั้งแต่เด็ก ดังนั้นจึงไม่กังวลถึงผลที่จะตามมา เย่อู๋เฉินนั้นแสดงเจตจำนงชัดเจนว่าไม่ต้องการชายารอง แต่นางก็ยังพยายามยกเรื่องนี้ขึ้นมา
“เสี่ยเอ๋อร์!” สีหน้าของมู่ชิงเปลี่ยนกะทันหัน เขารีบเอ่ย “ฝ่าบาท เห็นแก่เสี่ยเอ๋อร์ที่ยังเยาว์วัยไม่รู้ความ โปรดยกโทษให้นางสักครั้งเถิด ”
“เยาว์วัยไม่รู้ความ?” เย่อู๋เฉินกวาดมองนางด้วยสายตาเคร่งขรึม ใบหน้าหล่อเหลาของเขาราวกับมีม่านหมอกปกคลุมบางๆ “มู่อี้เสี่ยอายุห่างจากมู๋หรูเยว่เพียงสองปี ยังเยาว์วัยไม่รู้ความอีกหรือ? ในเมื่อนางอยากเป็นอนุถึงเพียงนี้ อย่างนั้นเราตัดสินใจให้เอง ให้นางแต่งกับ หวังป๋อ รองแม่ทัพในสังกัดทัพฮัวกว๋อในฐานะอนุก็แล้วกัน”
“ไม่นะ!” มู่อี้เสี่ยกรีดร้องออกมา นางเป็นถึงคุณหนูตระกูลมู่ผู้สูงศักดิ์กลับต้องมาเป็นอนุของรองแม่ทัพ? ยิ่งไปกว่านั้นได้ยินว่าใบหน้าของหวังป๋อเสียโฉมตั้งแต่ยังเล็ก หน้าตาอัปลักษณ์หาที่เปรียบ ไม่เพียงเท่านั้นเขายังเป็นทหารที่รู้จักใช้แต่กำลังไม่รู้วิธีถนอมอิสตรี
หากต้องกลายเป็นอนุของเขา ไม่เท่ากับส่งนางไปตายหรอกหรือ?
“ฮ่าฮ่า! ฝ่าบาท โปรดวางใจ หวังป๋อผู้นั้นเป็นลูกน้องของพ่อข้าเอง เรื่องนี้ข้าจะเป็นธุระจัดการให้อย่างดี” หลี่ลู่จ้องมองมู่อี้เสี่ย สายตาของเขาแฝงไปด้วยความเวทนา
หวังป๋อผู้นั้นมีอนุอยู่สองคน ได้ยินว่าทั้งสองล้วนถูกเขาทรมานปางตายขณะกระทำเรื่องบนเตียง ไม่รู้ว่าคุณหนูตระกูลมู่สามารถมีชีวิตรอดถึงครึ่งปีได้หรือไม่...
“ท่านพ่อ ท่านพ่อ ช่วยข้าด้วย! รีบช่วยข้าที! ข้าไม่อยากแต่งงานกับคนอัปลักษณ์นั่น ข้าไม่แต่ง!
“ฝ่าบาท เรื่องนี้…”
มู่ชิงต้องการร้องขอความเมตตา แต่ก่อนที่เขาจะได้เอ่ยต่อก็ถูกความกดดันพุ่งมาที่ร่างจนไม่สามารถเอ่ยอะไรได้อีก ได้แต่จ้องมองมู่อี้เสี่ยถูกหลี่ลู่ลากออกไปอย่างอับจนหนทาง
ยิ่งไปกว่านั้น โศกนาฏกรรมของมู่อี้เสี่ยย่อมเลวร้ายกว่าอนุที่ถูกทำร้ายจนตาย...
ก่อนที่จะนางจะเข้าจวนนั้นได้ถูกคนชุดดำทำลายวิทยายุทธ์ของนางจนสิ้น กลายเป็นคนไร้ค่าคนหนึ่ง ในคืนเข้าหอ หวังป๋อก็ค้นพบว่าร่างกายของนางไม่บริสุทธิ์มานานแล้ว เขาจึงจากไปด้วยโทสะ นับจากนั้นเป็นต้นมาหากเขารู้สึกไม่พอใจก็จะมาทุบตีนางอย่างทารุณ ในเวลาไม่ถึงครึ่งเดือน ใบหน้าของมู่อี้เสี่ยก็มีสภาพไม่ต่างกับคนก็ไม่ใช่ผีก็ไม่เชิง
เนื่องจากคำสั่งของกุ่ยหวัง คนของตระกูลมู่จึงไม่ได้รับอนุญาตให้พบมู่อี้เสี่ย ดังนั้นต่อให้มู่อี้เสี่ยวิงวอนต่อฟ้าดินให้ช่วยเหลือก็ไม่เป็นผล ได้แต่ทนรับการทรมาณอย่างทารุณของหวังป๋อ
เมื่อเทียบกับโศกนาฏกรรมของมู่อี้เสี่ยแล้ว มู่หรูเยว่ก็เก็บตัวฝึกฝนนับจากพวกเขาจากไป ภายในระยะเวลาหนึ่งเดือน ความแกร่งของนางก็เลื่อนสู่สู่ผู้ฝึกวิทยายุทธ์ระดับหกสำเร็จในที่สุด ส่วนทักษะการปรุงยานั้นยังคงไม่รุดหน้า แต่นางก็เริ่มคุ้นเคยกับมันมากขึ้น ยามนี้จึงสามารถปรุงยาระดับปฐพีชั้นกลางออกมาร้อยเม็ดในคราเดียว
นี่นับว่าเป็นความก้าวหน้าที่ไม่เลวเลยทีเดียว
ในช่วงที่มู่หรูเยว่เก็บตัวฝึกฝนอยู่นั้น ขั้วอำนาจวังหลวงในที่สุดก็ถูกกำจัด ฮ่องเต้สือเยว่นั้นถูกจองจำโดยคำสั่งของอาวุโสจ้าว ส่วนตำแหน่งฮ่องเต้นั้นตกเป็นของ เย่ลั่วย่า องค์ชายเก้าผู้อมโรค แต่เรื่องนั้นล้วนไม่เกี่ยวข้องกับมู่หรูเยว่ เวลานี้นาสนใจเพียงแต่วิธีการเพิ่มความแข็งแกร่งให้เร็วที่สุด
เพื่อที่จะสามารถเดินเคียงข้างกับชายหนุ่มผู้นั้น...
บทที่ 145 คนจากตระกูลเซียวแห่งเซิ่งจิ้ง ตอนที่1
ณ ตระกูลเซียวแห่งเซิ่งจิ้ง
เซียวเทียนอวี่มองหญิงสาวที่อยู่ข้างกายอย่างรู้สึกผิด เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ขอโทษด้วย อวี้เอ๋อร์ ที่ระยะนี้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นทำให้เจ้าต้องอยู่กับข้า จนไม่สามารถไปตามหาลูกสาวของเราได้”
“สามี ท่านไม่ต้องอธิบายแล้ว” ฮูหยินเซิ่งเยว่สั่นศีรษะเบาๆ ใบหน้างดงามของนางเผยรอยยิ้มที่สง่างามออกมา “พวกเราเป็นสามีภรรยากัน ย่อมเสมือนคนเดียวกัน ใครจะคาดคิดว่าหลังจากค้นพบที่อยู่ลูกสาวเรา สายลับในตระกูลเซียวกลับเผยตัว พยายามกลับไปรายงานเรื่องนี้ต่อตระกูลหนานกง โชคดีที่ข้าเร็วกว่าก้าวหนึ่ง จับตัวชายที่จับตัวลูกสาวเราไป จึงทำให้พวกเขาไม่อาจล่วงรู้ที่อยู่ของลูกสาวเรา เมื่อสิบกว่าปีก่อน ท่านเคยบุกเข้าตระกูลหนางกงด้วยดาบเล่มเดียว ในยามนี้เราไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวพวกเขา เพียงแต่ต้องกำจัดสายลับให้หมดเสียก่อนจึงค่อยพาลูกสาวกลับบ้าน ข้าไม่ต้องการให้มีเรื่องผิดพลาดใดเกิดขึ้นกับนาง”
เซียวเทียนอวี่ถอนใจออกมา พลางดึงร่างของฮูหยินเซิ่งเยว่เข้าสู่อ้อมกอด “ภรรยา พวกเราใกล้กำจัดสายลับพวกนั้นจนหมดแล้ว ถึงเวลาพาลูกสาวของเรากลับสู่ตระกูลเสียที บิดาอยากเจอลูกสาวของเรามานานแล้ว นางโดดเด่นเหมือนที่เจ้าเคยกล่าวถึงจริงหรือ?”
อาจเป็นเพราะฮูหยินเซิ่งเยว่นึกถึงข่าวที่ผู้คนเล่าขานปากต่อปาก หัวใจของนางพลันตื่นเต้นขึ้นมา
เด็กสาวผู้นั้นเป็นลูกสาวของพวกนางนั่นเอง ไม่แปลกใจเลยในยามที่นางได้เห็นเด็กสาวครั้งแรกกลับเกิดความรู้สึกอยากใกล้ชิดขึ้นมา สายเลือดย่อมตัดกันไม่ขาด นางได้พบลูกสาวของนางเมื่อครั้งนั้นแล้ว
ไม่นานมานี้ ฮูหยินเซิ่งเยว่ไปที่ตระกูลหนานกงเพื่อจับตัวคนผู้นั้นกลับมา และบังคับให้สารภาพทุกอย่างออกมา หลังจากนั้นนางส่งคนออกไปนอกเซิ่งจิ้งเพื่อสืบหาความจริง และได้ค้นพบเรื่องหนึ่ง
“นางย่อมโดดเด่นแน่นอน ไม่เพียงช่วยชีวิตชิงชิงเอาไว้ ยังเป็นผู้ชนะการประลองงานชุมนุมโอสถ แล้วยังได้ทำพันธสัญญากับ เตาวิหคเพลิง สมบัติวิเศษของสมาคมโอสถอีกด้วย นางประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อยขนาดนี้ ข้ารู้สึกภูมิใจในตัวนางจริงๆ”
เซียวเทียนอวี่คลี่ยิ้มพลางเอ่ย “เจ้าไม่เห็นหรือว่านางเป็นลูกสาวของผู้ใด? ลูกสาวของข้ากับอวี้เอ๋อร์ย่อมโดดเด่นแน่นอนอยู่แล้ว แต่ได้ยินเจ้ากล่าวเช่นนี้ ข้ายิ่งอยากพบลูกสาวของเรามากขึ้น ดังนั้น ภรรยา พวกเรารีบจัดการสายลับเหล่านั้นจะได้พาลูกสาวของเรากลับมาเถิด”
หากพวกเขาไม่กำจัดสายลับเหล่านั้น เขาคงไม่อาจวางใจพาลูกสาวสุดที่รักกลับตระกูล
“จริงสิ สามี ได่ยินว่าเซียวหมินออกไปข้างนอก ไม่รู้ว่านางจะทำให้ชื่อเสียงของตระกูลเซียวเสื่อมเสียหรือไม่” ฮูหยินเซิ่งเยว่ขมวดคิ้วหากันเล็กน้อย นัยน์ตาของนางฉายแววไม่พอใจ
“นั่นเป็นเพราะเด็กสาวผู้นั้น ทำให้ผู้คนในเซิ่งจิ้งเข้าใจว่าคุณหนูของตระกูลเซียวนั้นหยิ่งผยองและชอบใช้อำนาจ นางเป็นเพียงคนจากตระกูลสายรอง นับเป็นคุณหนูตระกูลเซียวไปได้อย่างไร? นางแค่อาศัยอำนาจของปู่นางที่เป็นผู้อาวุโสของตระกูล ประพฤติตัวไม่เกรงกลัวฟ้าดิน ครั้งก่อนยังคิดให้พวกเราเป็นพ่อแม่บุญธรรม เพื่อยกฐานะของนางให้กลายเป็นตระกูลสายตรง หลังจากพวกเราปฏิเสธไป นางกลับให้ปู่ของนางป่าวประกาศว่าข้ารับนางเป็นลูกสาวบุญธรรมเรียบร้อยแล้ว ข้าโกรธเสียจนอยากตบหน้านาง”
ฮูหยินเซิ่งเยว่แสดงท่าทีไม่พอใจ ไม่ว่าผู้ใดประสบเหตุการณ์เช่นนี้ย่อมรู้สึกไม่ดีเช่นกัน
“อยากตบก็ตบเถิด จำเป็นต้องใส่ใจด้วยหรือ?” เซียวเทียนอวี่จ้องมองฮูหยินเซิ่งเยว่อย่างอ่อนโยน พลางเอ่ย “อย่าลืมว่า เจ้าคือฮูหยินเซิ่งเยว่ หญิงที่สูงศักดิ์ที่สุดในดินแดนเซิ่งจิ้ง ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องใด ไม่จำเป็นต้องรักษาหน้าข้าด้วย ตาเฒ่ากับหลานสาวนั่นช่างยโสโอหัง หากเจ้าไม่ใช้ฐานะฮูหยินเซิ่งเยว่สั่งสอนพวกเขาให้ดี เกรงว่าพวกเขาจะยิ่งไม่เห็นเจ้าอยู่ในสายตา”
ฮูหยินเซิ่งเยว่กลั้วหัวเราะ นางตวัดมองเขาด้วยสายตาดุ “เรื่องนี้ท่านไม่จำเป็นต้องพูด ข้าไม่ยอมอดทนเพื่อตระกูลเซียวอีกต่อไป ไม่อย่างนั้นใครบางคนจะไม่เห็นความสำคัญของข้า”