Pages

Last Modified: Saturday, October 29, 2016

หมอยาเจ้าเสน่ห์: จอมใจราชาปีศาจ บทที่ 31-33

บทที่31 การปกป้องของท่านอาจารย์อู๋หวี๋


ศิษย์รัก ไม่ต้องกังวลไป ในเมื่อเจ้าเป็นศิษย์ของข้า อาจารย์ย่อมไม่อนุญาตให้ผู้ใดรังแกเจ้า ขอเพียงเจ้าพูดออกมาคำเดียวข้าจะไปสั่งสอนเจ้าเด็กนั่น

เมื่อนึกถึงการหมั้นหมายของมู่หรูเยว่ที่ถูกยกเลิกทั้งที่เธอมีทั้งงดงามและเปี่ยมด้วยพรสวรรค์ถึงเพียงนี้ อู๋หวีก็แทบทนรอไม่ไหวที่จะไปสั่งสอนเจ้าเด็กที่เห็นทองคำเป็นก้อนกรวดนั่น

ลูกศิษย์ของเขาใช่คนที่ใครก็รังแกได้ที่ไหน? ใครก็ตามที่กล้ารังแกนาง ข้าจะฆ่ามันเป็นการชดใช้!’

ไม่จำเป็นมู่หรูเยว่สั่นศีรษะ เอ่ยตอบยิ้มๆ ต่อให้เขาไม่ยกเลิกข้าก็จะยกเลิกการแต่งงานนั้นเอง พวกม้าพ่อพันธุ์ที่น่ารังเกียจนั่นไม่คู่ควรกับข้า

ฟังคำตอบของเด็กสาวอู๋หวีจึงค่อยคลายความโกรธ เขาหัวเราะออกมา ถูกต้อง เจ้าโง่นั่นโชคร้ายที่ยกเลิกการหมั้นหมายกับศิษย์ของข้า ด้วยพรสวรรค์ระดับเจ้า...จะแต่งกับชายที่ดีกว่านี้พันเท่าก็ย่อมได้ คนที่มีดีแค่หน้าตาพรรคนั้นไม่คู่ควรกับศิษย์ของข้า

มู่หรูเยว่นันย์ตาเป็นประกาย พลางเอ่ย ยังมีอีกเรื่อง... ข้าอยากให้ท่านเก็บความลับเรื่องที่รับข้าเป็นศิษย์ไว้ชั่วคราว

ได้อย่างไรกัน!?” อู๋หวีกระพริบตาอย่างไม่เข้าใจ เขาอยากให้ผู้คนในสำนักชิงหยุนรับรู้ว่าเขารับศิษย์ดีๆได้คนหนึ่งผู้เปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์ระดับที่แม้แต่ท่านอาจารย์เทียนหยุนและเย่เทียนเฟิงยังต้องตกตะลึง

เหตุผลง่ายๆ ข้าไม่ต้องการให้ท่านปกป้องข้าจนเกินไป ท่านแค่ช่วยเหลือข้าในยามที่จำเป็นก็พอแล้ว

ข้าต้องการเพียงไม้ใหญ่ที่ต้านทานลมฝนให้ในยามที่ข้าตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่อาจจัดการเองได้ ไม่ใช่อาจารย์ที่เลี้ยงดูปกป้องข้าราวกับไข่ในหิน

หากไร้ซึ่งอันตรายจะสั่งสมประสบการณ์ได้อย่างไร?’ จากประสบการณ์ที่สั่งสมมาสองชีวิต มู่หรูเยว่เข้าใจในจุดนั้นดียิ่ง

ฮ่าๆ! ตกลง ศิษย์รักของข้า” อู๋หวีหยักหน้าอย่างยินยอม เขามองคนไม่ผิดจริงๆด้วย คงมีเพียงเด็กสาวเท่านั้นที่สามารถเอ่ยวาจาเช่นนี้ออกมา

แน่นอนว่าเด็กสาวผู้นี้ไม่ใช่คุณหนูที่ได้รับการประคบประหงมจากครอบครัวคหบดี  ดังนั้นนางจึงรู้วิธีเอาตัวรอดในดินแดนแห่งนี้...

สาวน้อย นับแต่นี้เจ้าควรมาพบข้าทุกวัน ข้าจะสอนเคล็ดลับการฝึกฝนและปรุงยาให้แก่เจ้า ข้อแม้เพียงอย่างเดียวคือในงานประลองที่จะจัดขึ้นในอีกสองเดือนข้างหน้า เจ้าต้องได้ชัยชนะกลับมา


อู๋หวีลูบเคราตัวเองยิ้มๆ นับจากนี้ต่อไปเป็นจะเป็นยุคของหนุ่มสาวหน้าใหม่ ดูเหมือนว่าเขาแก่ตัวแล้วจริงๆ

อันดับหนึ่ง?” มู่หรูเยว่กลั้วหัวเราะออกมาแผ่วเบา ข้ากำลังตั้งใจเช่นนั้นอยู่พอดี

นางไม่ได้สนใจในการประลอง แต่นางรู้ว่ามู่ถิงเอ๋อร์ต้องเข้าร่วมการประลองครั้งนี้ และที่ยิ่งไปกว่านั้นนางต้องการประกาศให้คนทั้งโลกรู้ว่านางไม่ใช่คนไร้ค่าอีกต่อไป!

อู๋หวีจ้องมองมู่หรูเยว่อย่างสนใจแม้ว่าตอนนี้มู่หรูเยว่กำลังคลี่ยิ้มแต่กลับให้ความรู้สึกที่เย็นเยือกจับขั้วหัวใจ

////

ยามค่ำคืน...

ไม่ไกลนักจากจวนตระกูลมู่ ชายผู้ซึ่งไพล่มือไว้ด้านหลัง นัยน์ตาลึกล้ำจ้องมองในความมืด ความรู้สึกหลากหลายปรากฏขึ้นในแววตา

ชายหนุ่มสวมชุดยาวสีเงิน ด้วยใบหน้าหล่อเหลาราวเทพบุตรยืนสะท้อนแสงจันทร์ เขาดูหล่อเหลาถึงขนาดทำให้ผู้คนลืมหายใจ หล่อเหลา... เสียจนพระจันทร์ในค่ำคืนนี้ดูหม่นหมอง

นายท่าน ให้ข้าน้อยจัดการกับผู้หญิงที่ท่านกำลังจะแต่งงานด้วยหรือไม่?”
เบื้องหลังของเขาเป็นหญิงสาวชุดดำกำลังคุกเข่าอยู่ นางรู้ว่านายท่านไม่ชอบให้ผู้คนจ้องมอง แม้จะแค่แผ่นหลังก็ตาม


ไม่จำเป็น!”

แต่ นายท่านถ้านางเข้าเข้าใกล้ตำหนัก นางอาจพบความลับบางอย่างหากผู้อื่นรู้ว่านายท่าน...”

ไสหัวไป!”

น้ำเสียงทุ้มต่ำของเขาแฝงไปด้วยความกราดเกรี้ยวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน จนเตี๋ยอีรู้สึกใจสั่น

นายท่านปกป้องเด็กสาวคนนั้น? เพราะอะไร? เด็กสาวคนนั้นเป็นแค่คนไร้ค่า ทำไมนายท่านผู้ไม่เคยหลงเสน่ห์ของสตรีคนใดถึงได้ปกป้องนาง?’

เตี๋ยอียังคงก้มหัวลงต่ำ ข่มกลั้นความสั่นสะท้านในใจ รับทราบ ข้าน้อยขอตัวก่อน

แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่านางไม่อาจมีความรู้สึกเช่นนี้ได้ แต่เรื่องบางเรื่องก็สุดจะหักห้าม ดังนั้นทางออกเดียวคือนางต้องเก็บเรื่องนี้เป็นความลับตลอดไป อย่าให้ผู้ใดล่วงรู้เป็นอันขาด

บทที่32 ก่อนการประลอง


ประเด็นร้อนแรงในเมืองเฟิ่งเฉิงตอนนี้คงไม่พ้นการประลองครั้งใหญ่ที่จัดขึ้นโดยสำนักชิงหยุน และผู้ตัดสินเป็นถึงรัชทายาทจิ่ง ผู้ที่ได้ชัยชนะสามอันดับแรกอาจไม่แน่ว่าอาจเข้าตาผู้อาวุโสในสำนักชิงหยุน ดังนั้นผู้คนมากมายจึงแห่มาเข้าร่วมการประลองในครั้งนี้

ได้ยินว่า มู่หรูเยว่แห่งตระกูลมู่เองก็เข้าร่วมในการประลองครั้งนี้?”

ว่าไงนะ? มู่หรูเยว่? คนไร่ค่าอันดับหนึ่งแห่งแคว้นสือเยว่ผู้นั้นน่ะหรือ? อย่ามาล้อข้าเล่น ทำไมนางถึงเข้าร่วมล่ะ? อยากเป็นตัวตลกหรือ?”

เดาว่านางคงอยากอับอายกระมัง ฮ่าฮ่า

กลุ่มคนที่พากันเยาะเย้ยมู่หรูเยว่กันจนสนุกปากทำเอามู่ชิงหน้าแดงจัดด้วยความโกรธ ทำไมนางถึงไม่หัดว่านอนสอนง่ายยอมอยู่แต่ในบ้าน แทนที่จะออกมาให้ผู้คนเยาะเย้ยข้างนอก? นางคิดหรือว่าจะเอาชนะมู่ถิงเอ๋อร์ได้?’’

ในเมื่อรายชื่อผู้เข้าประลองเพิ่งถูกประกาศในวันนี้ มู่ชิงจึงเก็บตัวเงียบมาตลอด ไม่อย่างนั้นมีหรือที่เขาจะไม่พยายามห้ามนาง?

ท่านพ่อมู่อี้เสี่ยมองหาร่างของมู่หรูเยว่ ใบหน้างามเต็มไปด้วยความโกรธ นางเอ่ยต่อ วันนี้สมควรเป็นวันของพี่ถิงเอ๋อร์ แต่นังคนไร้ค่านั่นดันเข้ามาแส่ จากความคิดของข้า ข้าว่านางอิจฉาพี่ถิงเอ๋อร์อยู่

ถึงอย่างไร คนไร้ค่านั่นก็ยังเป็นคนของตระกูลมู่ ถ้านางถูกทำให้อับอายขายหน้า ก็เท่ากับตระกูลมู่ถูกลบหลู่ไปด้วย หรือว่าที่ผ่านมานางยังอับอายไม่พอ? ข้าไม่รู้จริงๆว่าพ่อแม่ให้กำเนิดคนไร้ค่าอย่างนางมาได้อย่างไร

ในตอนนั้นเอง ไม่ใครสังเกตว่าภายในโรงเตี๊ยมใกล้ๆ มีสายตาคู่หนึ่งจับจ้องฝูงชนด้วยความโกรธ

อู๋หวีกลืนเหล้าเข้าไปอึกใหญ่เพื่อข่มกลั้นความขัดเคืองในใจ

คนไร้ค่า? เจ้าโง่พวกนั้นกล้าด่าลูกศิษย์ข้าว่าคนไร้ค่าหรือ? ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง แล้วข้าเป็นใคร? อาจารย์ของคนไร้ค่า ไม่นับเป็นยิ่งกว่าคนไร้ค่าหรือ? ถ้าพรสวรรค์ของนางไร้ค่าล่ะก็ โลกนี้คงไม่มีผู้ใดมีพรสวรรค์อีกแล้ว

ตระกูลมู่?” อู๋หวีคลี่ยิ้มเย็นเยือก ขณะเลื่อนสายตาไปจับจ้องบิดาและบุตรสาวตระกูลมู่

จากการพบปะมู่หรูเยว่ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เขารับรู้มาว่ามู่หรูเยว่นั้นถูกวางยาพิษก่อนที่จะมีการทดสอบพรสวรรค์ ตอนนั้นเธออายุแค่ห้าขวบ ผลของยาพิษทำให้ชีพจรของเธอถูกปิดไม่อาจฝึกฝนวิทยายุทธ์ได้ ถ้าไม่เพราะมีผู้อาวุโสท่านหนึ่งช่วยขจัดพิษในร่างให้ เธอคงต้องเป็นคนไร้ค่าไปช่วยชีวิต

แน่นอนอู๋หวีไม่รู้ว่าผู้อาวุโสผู้นั้นคือมู่หรูเยว่เอง….

เมื่อคิดว่ายอดอัจฉริยะที่ควรจะถูกค้นพบเมื่อสิบปีก่อนเพิ่งมาถูกค้นพบเอาตอนนี้ อู๋หวี๋ก็รู้สึกปวดใจ เขานึกอยากฉีกกระชากตระกูลมู่ออกมาด้วยความชิงชัง

นั่นไม่ใช่เรื่องเลวร้ายเสียทีเดียว ด้วยเหตุนั้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มู่หรูเยว่จึงได้เห็นธาตุแท้ของเจ้าเด็กชั่ว เย่เทียนเฟิง ไม่อย่างนั้นศิษย์รักของข้าไม่โดนเจ้าเด็กหน้าเหม็นหลอกเอาหรือ?”

เมื่อคิดอย่างถี่ถ้วน อู๋หวีก็รู้สึกดีขึ้น ลูกศิษย์ของเขาโดดเด่นถึงเพียงนี้ บุคคลที่โดดเด่นทัดเทียมกันเท่านั้นจึงจะคู่ควรเป็นสามีของนาง

ชายา

ไม่ไกลนักจากลานประลอง น้ำเสียงรื่นหูดังขึ้นจากด้านหลังมู่หรูเยว่ ทันทีที่ได้ยินเสียงนั้นนางก็รู้ทันทีว่าเขาเป็นใคร

เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?” มู่หรูเยว่หันมองเด็กหนุ่มที่อยู่ด้านหลัง เมื่อเห็นสีหน้าหม่นหมองของเขา น้ำเสียงเธอก็อ่อนลงโดยไม่รู้ตัว

เด็กหนุ่มคลี่ยิ้มสว่างไสว แสงแดดส่องกระทบรอยยิ้มและใบหน้าหล่อเหลางดงามราวกับไม่ใช่คนบนโลกมนุษย์ แม้แต่ชายหนุ่มที่ได้รับสมญานามเป็นชายงามอันดับหนึ่งอย่าง เย่เทียนเฟิง ก็ยังเทียบเคียงไม่ได้แม้เพียงครึ่ง

เขาเพียงแค่ยืนอยู่เฉยๆ ผู้คนก็แทบลืมหายใจ


บทที่33 ชายา ข้าคิดถึงท่าน


ชายา ข้าคิดถึงท่าน ทำไมท่านไม่มาหาข้าบ้าง?”

เมื่อเอ่ยประโยคนั้น ใบหน้าของเด็กหนุ่มดูขัดเคืองอยู่บ้าง แต่ด้วยท่าทางใสซื่อ นัยน์ตาเป็นประกายชวนให้หลงใหลยากที่ผู้คนจะต้านทาน มู่หรูเยว่พลันคิดขึ้นมาว่า เขามีปัญหาทางสมอง จิตใจเป็นเด็กจริงน่ะหรือ? ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าเขาเหมือนจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ซะมากกว่า?’

ดูเหมือนพวกเจ้าจะสนิทสนมกันดีนี่?”

เสียงหัวเราะเบาๆดังมาจากด้านข้าง

เย่อี้ฮวาเดินโบกพัดเดินเข้ามาหามู่หรูเยว่ รอยยิ้มเต็มไปด้วยความเสแสร้ง นัยน์ตาสีน้ำตาลพราวระยับเหลือบมองเย่อู๋เฉินครู่หนึ่งก่อนจะหันกลับมาที่มู่หรูเยว่

พวกเจ้าทั้งสองยังไม่ทันแต่งงานแต่กลับสนิทสนมถึงเพียงนี้ ดูเหมือนแม่นางมู่จะเป็นคนเปิดเผยไม่เบา

คำพูดของเขาเน้น​ย้ำประโยคว่า สนิทสนมก่อนการแต่งงานเป็นพิเศษ นั่นไม่เท่ากับเป็นการกระทำที่เลวร้ายหรอกหรือ?

เมื่อนึกถึงเรื่องนั้น นัยน์ตาเขาก็เป็นประกาย เอ่ยพูดเสียงเศร้า เสียดายที่คนโง่นั่นไม่รู้อะไร ถ้าแม่นางผู้ต้องการผู้ชาย ตำหนักฮวาของเราพร้อมต้อนรับแม่นางมู่เสมอ ถึงตอนนั้นเราจะไม่ทำให้แม่นางมู่ผิดหวังแน่นอน

นัยน์ตาของมู่หรูเยว่เต็มไปด้วยความเยือกเย็น นางจ้องมองเย่อี้ฮวาที่กำลังเดินเข้ามาแล้วแค่นหัวเราะออกมาคราหนึ่ง

ในเมื่อฝ่าบาทเอ่ยคำพรรคนั้นมาหลายครั้งดูเหมือนจะลืมเลือนที่ข้าเคยพูดไว้ก่อนหน้า ในเมื่อท่านยังดึงดันข้าก็จะไปเยี่ยมตำหนักท่านดูซักครั้ง” นางหยุดพูดไปครู่หนึ่งนัยน์ตาที่จับจ้องเขาดูเยือกเย็นกว่าเดิม ราวกับจับจ้องไปถึงขั้วหัวใจ ถ้าท่านไม่ถือสาที่ตำหนักของท่านถูกข้าทำลายน่ะนะ

ได้ยินคำพูดของนาง เย่อี้ฮวาไม่นึกโกรธกลับตื่นเต้นกว่าเดิม เราจะรอให้แม่นางมู่มาทำลายตำหนักของเรา ฮ่า ฮ่า!”

หลังจากหัวเราะ เขาก็เดินจากไป

บุตรสาวตระกูลมู่ผู้นั้นช่างน่าสนใจ ถ้าเธอไม่ใช่คนไร้ค่า เขาย่อมขอให้เสด็จพ่อยกเธอให้กับเขา เสียดายที่เขาไม่อาจลืมเลือนความงามของเธอได้

ไปกันเถอะมู่หรูเยว่เหลือบมองเย่อู๋เฉิน เธอเห็นเขากำลังจับจ้องไปยังทิศทางที่เย่อี้ฮวาเดินจากไป

หลังได้ยินมู่หรูเยว่เรียก เย่อู๋เฉินก็รู้สึกตัวกลับมาเป็นปกติเขาสั่นศีรษะ ชายา ข้ามีเรื่องต้องกลับไปที่ตำหนัก

ตกลง เจ้ากลับไปก่อน อีกครู่หนึ่งข้าจะไปหาเจ้าที่นั่น

ในเมื่อการประลองกำลังจะเริ่มต้น มู่หรูเยว่จึงเอ่ยอย่างเร่งรีบและตรงไปที่ลานประลอง หลังร่างของนางเดินจากไป เย่อู๋เฉินก็เดินไปยังทิศทางตรงกันข้าม

เนื่องมาจากการประลองครั้งนี้จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ผู้คนในเมืองเฟิ่งเฉิงต่างก็มารอชมเรื่องสนุก

ในตอนนั้นเองบริเวณพื้นที่หวงห้ามที่เย่อี้ฮวาเพิ่งก้าวเข้าไป พลันมีร่างหนึ่งกระโดดลงมา ยืนขวางเอาไว้

คนผู้นั้นสวมชุดยาวลายจันทร์เสี้ยวสีขาวเย็บขอบด้วยด้ายเงินและด้ายทอง อีกทั้งยังสวมหน้ากากสีเงิน ขณะนี้กำลังยืนจ้องเย่อี้ฮวาด้วยสายตาชั่วร้าย ริมฝีปากหยักโค้งอย่างเย้ยหยัน

เย่อี้ฮวาขมวดคิ้ว ขอถามว่าท่านเป็นใคร? ทำไมต้องขวางทางเราด้วย?”

เขามีทั้งอิทธิพลและอำนาจ ไม่คาดคิดว่าก่อนว่าเคยไปสร้างศัตรูไว้ที่ไหน ผู้ใดกันที่ต้องการชีวิตเขา?

โครม!

ชายหนุ่มไม่พูดพร่ำทำเพลงเตะหน้าท้องเย่อี้ฮวาอย่างรุนแรง แรงเตะนั้นส่งร่างชายหนุ่มลอยละลิ่วไปกองกับพื้น จากนั้นก็ถูกกระชากตัวขึ้นและกระหน่ำชกที่ใบหน้าอีกไม่รู้กี่ครั้ง

วิทยายุทธ์ของเย่อี้ฮวาไม่ถึงกับเลวร้ายแต่เมื่ออยู่ต่อหน้าชายผู้นี้ เขารู้สึกราวกับพลังเหือดหายไปทั้งร่าง ไม่สามารถตอบโต้ได้เลยแม้แต่น้อย

หมัดสุดท้ายซัดลงไปอย่างแรงที่จมูก กระทั่งเย่อี้ฮวากระอักเลือดออกทางปาก ชายหนุ่มคลี่ยิ้มอย่างพึงใจจ้องมองเย่อี้ฮวาซึ่งหน้าบวมปูดไปทั้งหน้าจากฤทธิ์หมัดของเขา ก่อนจะโยนร่างของเย่อี้ฮวาลงกับพื้นราวกับกองขยะ พลางเตะซ้ำอีกสองสามครั้ง

จำเอาไว้ ผู้หญิงทุกคนน่ะ... ต่อให้เจ้าต้องการก็ใช่ว่านางจะเป็นของเจ้า

4 comments:

  1. ช่างเป็นอาจารย์ที่หลงศิษย์นัก 55555+

    ReplyDelete
  2. สามีหึงโหดนะนี่

    ReplyDelete
  3. น่อววววว คนโง่งมกลับเป็นคนมีวรยุทธ์สูงส่งยิ่งนัก

    ReplyDelete
  4. อาจารย์มีความเห่อศิษย์ ว่าที่สามีก็มีความหลงในว่าที่ภรรยายิ่งนัก เฮ้อ

    ReplyDelete