บทที่ 125 ผู้กล้าจากสำนักเซิงหนวี่
ชายหนุ่มที่มีใบหน้าหล่อเหลาคมคายดุจใบมีดยืนอยู่บนความว่างเปล่าครู่หนึ่ง คิ้วของเขาพาดขึ้นแผ่กลิ่นอายดุดันราวกับเทพที่ลงมาจากสวรรค์
เมื่อเปรียบเทียบกับฮ่องเต้สือเยว่แล้ว ชายผู้นี้ยังดูคล้ายกับกษัตริย์เสียยิ่งกว่า เรือนผมสีหมึกของเขาปลิวสยายตามกระแสลม ทั่วทั้งร่างแฝงไปด้วยกลิ่นอายของความเย่อหยิ่งและเผด็จการ
“เหยียนจิ้น ใครขัดขวางไม่ให้พวกเขาหนี ฆ่าไม่เว้น!” ริมฝีปากบางของเด็กสาวขยับเล็กน้อย สีหน้าของนางเยียบเย็น แผ่จิตสังหารออกจากร่างส่งผลให้อาภรณ์สีขาวของนางปลิวไหวเล็กน้อย
“ก็แค่มดปลวกกองหนึ่ง ไม่คู่ควรให้ข้าผู้เฒ่าลับฟันด้วยซ้ำ”
เหยียนจิ้นขยับยืดเส้นยืดสายให้ตัวเอง เลิกปลายคิ้วขึ้นอย่างหยิ่งผยอง ตูม! ทั่งทั้งร่างของเขาแผ่พลังปราณออกมา ส่งผลให้ทหารองครักษ์ที่อยู่ใกล้เขาที่สุดหมดสติล้มลงกับพื้น
สีหน้าของฮ่องเต้สือเยว่เปลี่ยนอย่างฉับพลัน เขารีบตะโกน “เทพธิดาทั้งสอง โปรดช่วยเหลือข้าด้วย!”
ทันใดนั้น กลิ่นอายกล้าแข็งของบุคคลทั้งสองก็แผ่ออกมาจากส่วนลึกสุดของวังหลวงปกคลุมไปทั่วทุกพื้นที่ ผู้คนที่มีวิทยายุทธ์ไม่กล้าแข็งพอต่างก็กุมศีรษะ ส่งเสียงร้องอย่างทรมาน
“ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเสมือนก่อเกิด คิดไม่ถึงว่าเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเสมือนก่อเกิดทั้งสองคนจริงๆ!” สีหน้าของเหยียนจิ้นเข้มขึ้นแสดงถึงความวิตกกังวลอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
หากว่ามีคนเดียวเขาคงสามารถจัดการได้อย่างง่ายดาย แต่หากต้องสู้กับทั้งสองคนพร้อมกันคงลำบากสักหน่อย
“ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเสมือนก่อเกิด? นั่นไม่ใช่ผู้กล้าที่มีระดับวิทยายุทธ์ที่อยู่ระหว่างขั้นพื้นฐานระดับเก้าและขั้นก่อเกิดหรือ?” สีหน้าของมู่หรูเยว่เริ่มเคร่งเครียดขึ้น ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเสมือนก่อเกิดนั้นจัดว่ามีกำลังกล้าแข็งที่สุดรองจากผู้ฝึกยุทธ์ขั้นก่อเกิด ด้วยกำลังของนางในตอนนี้ยังไม่อาจต่อการกับคนเหล่านั้นได้
ในขณะที่มู่หรูเยว่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้น ร่างของหญิงงามวัยกลางคนในอาภรณ์สีขาวทั้งสองก็ปรากฎตัวขึ้นเบื้องหน้านาง
หญิงงามทั้งสองมีหน้าตาคล้ายกับราวกับพิมพ์เดียว พวกเขาทั้งสองดูเหมือนกันมาก กระทั่งสีหน้ายังเหมือนกันไม่ผิดเพี้ยน ทั้งสองต่างก็มีท่าทางวางตัวเย่อหยิ่ง สิ่งเดียวที่แตกต่างกันก็คือคนหนึ่งมีผมสีดำ และอีกคนหนึ่งมีผมสีขาว
“ไม่เพียงแต่มีพรสวรรค์ แต่ยังเป็นหญิงงามอีกด้วย ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าสำนักสนใจนาง” หญิงงามผมดำแค่นยิ้มเย็นชาขณะจ้องมองมู่หรูเยว่ นัยน์ตาของนางแฝงด้วยความโอหังพลางเอ่ย “ข้าจะแนะนำเจ้าสักประโยคหนึ่ง จงตามพวกเรากลับไปและยอมรับใช้เจ้าสำนักซะ ไม่เช่นนั้นแล้ว จุดจบของเจ้าคงไม่ต่างกับหญิงผู้นั้นเมื่อสิบปีก่อน ”
“หญิงผู้นั้น หรือว่าหมายถึงมารดาของเย่อู๋เฉิน?” มู่หรูเยว่เลิกสายตาขึ้น จ้องมองไปยังหญิงงามผมดำ สีหน้าของนางราวกับเคลือบด้วยน้ำแข็งบางๆ พลางเอ่ย “หนี้แค้นของอู๋เฉินข้าจะสะสางให้เอง พวกสำนักเซิ่งหนวี่ที่ทำร้ายเขา ต้องมีวันที่คนที่ข้องเกี่ยวในปีนั้นได้ชดใช้อย่างสาสม”
ถึงแม้ว่าขณะนี้มู่หรูเยว่จะยังมีความสามารถไม่เพียงพอ แต่นางเชื่อว่าวันหนึ่งนางจะแข็งแกร่งขึ้นและล้างแค้นแทนเขา
เย่อู๋เฉินจ้องมองมู่หรูเยว่ด้วยสายตาลึกล้ำ นี่คือผู้หญิงของเขา และผู้หญิงคนเดียวที่เขาจะปกป้องไปชั่วชีวิต
“ฮ่าฮ่าฮ่า ด้วยกำลังของเจ้าน่ะหรือ?” หญิงงามผมดำเมื่อได้ยินคำกล่าวของมู่หรูเยว่ที่ไม่ต่างอะไรกับเรื่องตลกนั้นก็หัวเราะออกมา “หากไม่เพราะเจ้าสำนักสนใจในตัวเจ้าล่ะก็ เจ้าคงกลายเป็นศพไปแล้ว หลังจากเจ้ากลายเป็นคนของเจ้าสำนักแล้วเจ้ายังจะมีความคิดเช่นนี้อยู่หรือ? ต่อให้เจ้ามี ด้วยกำลังของเจ้าสำนักแล้ว เจ้าคงไม่อาจทำอะไรเขาได้! แต่ก่อนอื่นข้าจะให้เจ้ารับบทเรียนสักเล็กน้อย!”
ในชั่วขณะนั้น หญิงงามผมดำพุ่งปราดมาเบื้องหน้าของมู่หรูเยว่
“สาวน้อย ระวัง!” สีหน้าของเหยียนจิ้นเปลี่ยนทันควัน เขาเคลื่อนกลายอย่างรวดเร็วเพื่อปกป้องมู่หรูเยว่ ใครจะคาดคิดว่าชั่วขณะนั้นเอง หญิงงามผมขาวที่ยืนนิ่งมาตลอดกลับเคลื่อนไหว?
พลังรุนแรงจากฝ่ามือพุ่งเข้ามาหาเหยียนจิ้น เขาเคลื่อนกายหลบอย่างรวดเร็วและเริ่มประมือกับหญิงงามผมขาวตรงหน้า
สีหน้าของเขาเริ่มกังวลขึ้นเรื่อยๆ หากว่าเขาได้ครอบครองพลังทั้งหมดที่เขามีก่อนโดนสะกดล่ะก็ แค่เพียงขยับตัวก็สามารถกำจัดคนทั้งสองจนสิ้นซากไปแล้ว น่าเสียดายที่เขาในยามนี้ไม่เป็นเช่นเดียวกับเขาเมื่อกาลก่อน ดังนั้นเขาจึงไม่มีกำลังกล้าแข็งถึงเพียงนั้น
------
ท่านผู้เฒ่า!! เกือบหล่อแบ้ว
ช่วงนี้ชีวิตดีย์ เปิดเทอมได้หนึ่งอาทิตย์ เจอ 5 assignments กุซิกๆ เห็นอนาคตเลยค่ะ
posted from Bloggeroid