Pages

Last Modified: Monday, January 30, 2017

หมอยาเจ้าเสน่ห์: จอมใจราชาปีศาจ บทที่ 125

บทที่ 125 ผู้กล้าจากสำนักเซิงหนวี่


ชายหนุ่มที่มีใบหน้าหล่อเหลาคมคายดุจใบมีดยืนอยู่บนความว่างเปล่าครู่หนึ่ง คิ้วของเขาพาดขึ้นแผ่กลิ่นอายดุดันราวกับเทพที่ลงมาจากสวรรค์

เมื่อเปรียบเทียบกับฮ่องเต้สือเยว่แล้ว ชายผู้นี้ยังดูคล้ายกับกษัตริย์เสียยิ่งกว่า เรือนผมสีหมึกของเขาปลิวสยายตามกระแสลม ทั่วทั้งร่างแฝงไปด้วยกลิ่นอายของความเย่อหยิ่งและเผด็จการ

“เหยียนจิ้น ใครขัดขวางไม่ให้พวกเขาหนี ฆ่าไม่เว้น!” ริมฝีปากบางของเด็กสาวขยับเล็กน้อย สีหน้าของนางเยียบเย็น แผ่จิตสังหารออกจากร่างส่งผลให้อาภรณ์สีขาวของนางปลิวไหวเล็กน้อย

“ก็แค่มดปลวกกองหนึ่ง ไม่คู่ควรให้ข้าผู้เฒ่าลับฟันด้วยซ้ำ”

เหยียนจิ้นขยับยืดเส้นยืดสายให้ตัวเอง เลิกปลายคิ้วขึ้นอย่างหยิ่งผยอง ตูม! ทั่งทั้งร่างของเขาแผ่พลังปราณออกมา ส่งผลให้ทหารองครักษ์ที่อยู่ใกล้เขาที่สุดหมดสติล้มลงกับพื้น

สีหน้าของฮ่องเต้สือเยว่เปลี่ยนอย่างฉับพลัน เขารีบตะโกน “เทพธิดาทั้งสอง โปรดช่วยเหลือข้าด้วย!”

ทันใดนั้น กลิ่นอายกล้าแข็งของบุคคลทั้งสองก็แผ่ออกมาจากส่วนลึกสุดของวังหลวงปกคลุมไปทั่วทุกพื้นที่ ผู้คนที่มีวิทยายุทธ์ไม่กล้าแข็งพอต่างก็กุมศีรษะ ส่งเสียงร้องอย่างทรมาน

“ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเสมือนก่อเกิด คิดไม่ถึงว่าเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเสมือนก่อเกิดทั้งสองคนจริงๆ!” สีหน้าของเหยียนจิ้นเข้มขึ้นแสดงถึงความวิตกกังวลอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

หากว่ามีคนเดียวเขาคงสามารถจัดการได้อย่างง่ายดาย แต่หากต้องสู้กับทั้งสองคนพร้อมกันคงลำบากสักหน่อย

“ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเสมือนก่อเกิด? นั่นไม่ใช่ผู้กล้าที่มีระดับวิทยายุทธ์ที่อยู่ระหว่างขั้นพื้นฐานระดับเก้าและขั้นก่อเกิดหรือ?” สีหน้าของมู่หรูเยว่เริ่มเคร่งเครียดขึ้น ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเสมือนก่อเกิดนั้นจัดว่ามีกำลังกล้าแข็งที่สุดรองจากผู้ฝึกยุทธ์ขั้นก่อเกิด ด้วยกำลังของนางในตอนนี้ยังไม่อาจต่อการกับคนเหล่านั้นได้

ในขณะที่มู่หรูเยว่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้น ร่างของหญิงงามวัยกลางคนในอาภรณ์สีขาวทั้งสองก็ปรากฎตัวขึ้นเบื้องหน้านาง

หญิงงามทั้งสองมีหน้าตาคล้ายกับราวกับพิมพ์เดียว พวกเขาทั้งสองดูเหมือนกันมาก กระทั่งสีหน้ายังเหมือนกันไม่ผิดเพี้ยน ทั้งสองต่างก็มีท่าทางวางตัวเย่อหยิ่ง สิ่งเดียวที่แตกต่างกันก็คือคนหนึ่งมีผมสีดำ และอีกคนหนึ่งมีผมสีขาว

“ไม่เพียงแต่มีพรสวรรค์ แต่ยังเป็นหญิงงามอีกด้วย ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าสำนักสนใจนาง” หญิงงามผมดำแค่นยิ้มเย็นชาขณะจ้องมองมู่หรูเยว่ นัยน์ตาของนางแฝงด้วยความโอหังพลางเอ่ย “ข้าจะแนะนำเจ้าสักประโยคหนึ่ง จงตามพวกเรากลับไปและยอมรับใช้เจ้าสำนักซะ ไม่เช่นนั้นแล้ว จุดจบของเจ้าคงไม่ต่างกับหญิงผู้นั้นเมื่อสิบปีก่อน ”

“หญิงผู้นั้น หรือว่าหมายถึงมารดาของเย่อู๋เฉิน?” มู่หรูเยว่เลิกสายตาขึ้น จ้องมองไปยังหญิงงามผมดำ สีหน้าของนางราวกับเคลือบด้วยน้ำแข็งบางๆ พลางเอ่ย “หนี้แค้นของอู๋เฉินข้าจะสะสางให้เอง พวกสำนักเซิ่งหนวี่ที่ทำร้ายเขา ต้องมีวันที่คนที่ข้องเกี่ยวในปีนั้นได้ชดใช้อย่างสาสม”

ถึงแม้ว่าขณะนี้มู่หรูเยว่จะยังมีความสามารถไม่เพียงพอ แต่นางเชื่อว่าวันหนึ่งนางจะแข็งแกร่งขึ้นและล้างแค้นแทนเขา

เย่อู๋เฉินจ้องมองมู่หรูเยว่ด้วยสายตาลึกล้ำ นี่คือผู้หญิงของเขา และผู้หญิงคนเดียวที่เขาจะปกป้องไปชั่วชีวิต

“ฮ่าฮ่าฮ่า ด้วยกำลังของเจ้าน่ะหรือ?” หญิงงามผมดำเมื่อได้ยินคำกล่าวของมู่หรูเยว่ที่ไม่ต่างอะไรกับเรื่องตลกนั้นก็หัวเราะออกมา “หากไม่เพราะเจ้าสำนักสนใจในตัวเจ้าล่ะก็ เจ้าคงกลายเป็นศพไปแล้ว หลังจากเจ้ากลายเป็นคนของเจ้าสำนักแล้วเจ้ายังจะมีความคิดเช่นนี้อยู่หรือ? ต่อให้เจ้ามี ด้วยกำลังของเจ้าสำนักแล้ว เจ้าคงไม่อาจทำอะไรเขาได้! แต่ก่อนอื่นข้าจะให้เจ้ารับบทเรียนสักเล็กน้อย!”

ในชั่วขณะนั้น หญิงงามผมดำพุ่งปราดมาเบื้องหน้าของมู่หรูเยว่

“สาวน้อย ระวัง!” สีหน้าของเหยียนจิ้นเปลี่ยนทันควัน เขาเคลื่อนกลายอย่างรวดเร็วเพื่อปกป้องมู่หรูเยว่ ใครจะคาดคิดว่าชั่วขณะนั้นเอง หญิงงามผมขาวที่ยืนนิ่งมาตลอดกลับเคลื่อนไหว?

พลังรุนแรงจากฝ่ามือพุ่งเข้ามาหาเหยียนจิ้น เขาเคลื่อนกายหลบอย่างรวดเร็วและเริ่มประมือกับหญิงงามผมขาวตรงหน้า

สีหน้าของเขาเริ่มกังวลขึ้นเรื่อยๆ หากว่าเขาได้ครอบครองพลังทั้งหมดที่เขามีก่อนโดนสะกดล่ะก็ แค่เพียงขยับตัวก็สามารถกำจัดคนทั้งสองจนสิ้นซากไปแล้ว น่าเสียดายที่เขาในยามนี้ไม่เป็นเช่นเดียวกับเขาเมื่อกาลก่อน ดังนั้นเขาจึงไม่มีกำลังกล้าแข็งถึงเพียงนั้น

------
ท่านผู้เฒ่า!! เกือบหล่อแบ้ว

ช่วงนี้ชีวิตดีย์ เปิดเทอมได้หนึ่งอาทิตย์ เจอ 5 assignments กุซิกๆ เห็นอนาคตเลยค่ะ
posted from Bloggeroid

หมอยาเจ้าเสน่ห์: จอมใจราชาปีศาจ บทที่ 124

บทที่ 124 กุ่ยหวังเป็นคนที่เก็บซ่อนความลับไว้มิดชิดที่สุด


“ท่านพี่”

จี้หรูหยาจ้องมองชายที่อยู่ตรงหน้านาง สีหน้าของเขาแฝงด้วยความรู้สึกลึกล้ำจนทำให้นัยน์ตาของนางอ่อนโยนลง หากสามารถร่วมตายกับญาติผู้พี่ของนาง ชาตินี้นางก็คงไม่มีอะไรต้องเสียใจแล้ว

อย่างไรก็ตาม วาจาพร่ำพลอดของคนทั้งสองที่ทำราวกับไม่เห็นผู้อื่นอยู่ในสายตาสร้างความโกรธแค้นแก่ฮ่องเต้สือเยว่ นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยโทสะ พรางตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด “นังหญิงชั่ว! ดูเหมือนว่าเจ้าจะทรยศเรามานานแล้ว! ใครก็ได้ จับตัวชายชู้สารเลวผู้นี้ให้เราที!”

ไม่มีผู้ใดยังคงยิ้มได้เมื่อรู้ตัวว่าถูกสวมหมวกเขียวให้เสียแล้ว

ฮ่องเต้สือเยว่ไม่คาดคิดมาก่อนว่าหยากุ้ยเฟย สนมรักที่เขารักใคร่เอ็นดูมาตลอดจะมีความสัมพันธ์กับทหารองครักษ์ของเขาเอง ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือคนทั้งของรักใคร่กันมาก! ผู้หญิงของเขา ถึงแม้ตาย นางก็ต้องถูกฝังร่วมกับเขา เขาไม่มีทางยอมให้ผู้ใดก็ตามสวมหมวกเขียวให้เขาเป็นอันขาด

จี้หรูหยาค่อยๆหลับตาลงรอรับความตาย แต่ก็ผ่านมาชั่วครู่หนึ่งแล้ว นางก็ยังไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ควรจะได้รับ นัยน์ตาคู่งามของนางค่อยๆลืมขึ้น ชั่วขณะนั้นเองอาภรณ์สีขาวราวหิมะก็ปรากฎสู่สายตา

มู่หรูเยว่ยกกระบี่ต้านรับการโจมตีของทหารองครักษ์ นางเอ่ยกับจี้หรูหยาโดยไม่หันกลับมา “แม่นางจี ท่านกับญาติผู้พี่รีบไปจากที่นี่ก่อน ข้าจะจัดการเรื่องนี้เอง”

“แต่…” จี้หรูหยามีสีหน้าลังเลใจ

“รีบไป!” มู่หรูเยว่ยังคงไม่หันหลับมา นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “พวกท่านรั้งอยู่ที่นี่มีแต่ทำให้ข้าเสียสมาธิ ยิ่งไปกว่านั้นพาอู๋เฉินไปด้วย วางใจเถอะ พวกเขาทำอะไรข้าไม่ได้หรอก”

“แม่นาง…”

ขณะที่จี้หรูหยาพยายามจะเอ่ยบางสิ่ง ญาติผู้พี่ของนางก็คว้าเอวนางเอาไว้ ทำให้คำพูดที่เหลือติดอยู่ที่ริมฝีปาก

“หยาเอ๋อร์ แม่นางมู่พูดถูกต้องแล้ว พวกเรารั้งอยู่ที่นี่มีแต่ทำให้นางเสียสมาธิ รีบไปกันเถิด นางไม่มีทางเป็นอะไรหรอก”

สีหน้าของจี้หรูหยาเต็มไปด้วยความกังวล หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งนางก็หันศีรษะไปทางเย่อู๋เฉิน “กุ่ยหวัง โปรดตามพวกเรามาเถิด”

เย่อู๋เฉินไม่เอ่ยวาจา เขาเอาแต่จ้องมองไปทางมู่หรูเยว่

นัยน์ตาที่ใสกระจ่างและบริสุทธิ์ของเขาบัดนี้ดูลึกลับดุจรัตติกาล ยากที่ผู้อื่นจะรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ จี้หรูหยาตกตะลึงเล็กน้องเมื่อจ้องมองเย่อู๋เฉินในยามนี้

ถึงแม้ว่านางจะไม่คุ้นเคยกับกุ่ยหวังเท่าไหร่นัก แต่นางก็เคยเห็นเขาอยู่บ้าง ชายผู้นี้เป็นเพียงคนโง่เง่า โตแต่ตัวสมองยังไม่พัฒนา เหตุใดเขาในยามนี้ดูไม่เหมือนคนโง่งมแม้แต่น้อย?

ยิ่งไปกว่านั้น หากนางไม่ได้รู้สึกได้เอง ร่างของกุ่ยหวังในยามนี้กำลังแผ่… จิตสังหาร ออกมา?

“ท่านพี่ พวกเราไปกันเถอะ” จี้หรูหยากุมฝ่ามือของชายหนุ่มอย่างแนบแน่น นัยน์ตาของนางเป็นประกายเล็กน้อยพลางเอ่ยต่อ “พวกเรารีบไปจากที่นี่ตามหาคนมาช่วย ข้าจำได้ว่าคุณชายแห่งจวนแม่ทัพฮัวกว๋อกับแม่นางมู่มีความสัมพันธ์ไม่แย่ เขายังช่วยนางรับสมัครผู้กล้ามากมาย พวกเราช่วยนางได้เพียงวิธีนี้ ส่วนกุ่ยหวังนั้น…”

จี้หรูหยาจ้องมองเย่อู๋เฉินอย่างพิจารณา ชั่วขณะนั้นนางพบว่าชายผู้นี้ดูลึกลับน่าสงสัย

“เขาคงไม่เป็นไร”

ทันใดนั้นนางเกิดรู้สึกขึ้นมาว่า เปลือกนอกของกุ่ยหวังนั้นหลอกลวงผู้คนมากมาย บางทีเขาอาจจะเป็นคนที่เก็บซ่อนความลับได้มิดชิดที่สุดในหมู่เชื้อพระวงศ์

“ใครก็ได้ หยุดพวกเขาไว้!” ฮ่องเต้สือเยว่เอ่ยสั่งทันทีที่เห็นว่าจี้หรูหยาพยายามจะหลบหนี

ผู้ใดจะคาดคิดว่าก่อนที่พวกเขาจะเข้าถึงตัวจี้หรูหยา ประกายกระบี่สว่างวาบ จากนั้นศีรษะของพวกเขาก็ขาดออกจากร่างในทันที

“เหยียนจิ้น!”

ทันทีที่มู่หรูเยว่เอ่ยเรียก สัตว์อสูรตัวเล็กสีดำก็พุ่งจากจากด้านนอกของกำแพงวัง ท่ามกลางสายตาจับจ้องของผู้คน ร่างของสัตว์อสูรถูกห่อหุ้มด้วยกลุ่มควันสีดำ หลังจากกลุ่มควันสีดำนั้นค่อยๆจางหายไป ชายหนุ่มในชุดสีดำก็ปรากฏขึ้นท่ามกลางความว่างเปล่า...

-----------
ปล. จริงๆนางเรียกคนรักนางว่าเปี่ยวเกอ อารมณ์ญาติผู้พี่ค่ะ แต่ภาษาไทยคงไม่มีใครเค้าเรียกกันแบบนั้นเนอะ… (รึเปล่า)
posted from Bloggeroid

Last Modified: Friday, January 27, 2017

หมอยาเจ้าเสน่ห์: จอมใจราชาปีศาจ บทที่ 123

บทที่ 123 สำนักมารเซิ่งหนวี่


หยากุ้ยเฟยไม่เหลือภาพลักษณ์สง่างามของนางอีกต่อไป เรือนผมของนางยุ่งเหยิงไปกับสายลมที่พัดปลิว มุมปากขยับยิ้มอย่างเย้ยหยันมองเผยชัดต่อหน้าฝูงชน

ฮ่องเต้สือเยว่กำหมัดแน่น สีหน้าโกรธจัดฉายชัดบนใบหน้าอันแก่ชราของเขา เขาเหวี่ยงมืออย่างรุนแรงไปที่นาง เพี๊ยะ! เสียงฝ่ามือกระทบใบหน้าดังขึ้นอย่างจัง

ใบหน้าของจี้หรูหยาเอียงไปด้านข้าง เรือนผมของนางร่วงลงมาติดใบหน้า มุมปากของนางมีเลือดซึมออกมา หากแต่รอยยิ้มเย้ยหยันนั้นยังไม่จางหายไป

“ข้าพูดอะไรผิดหรือ? คำพูดของพวกท่านนั้นข้าได้ยินหมดแล้ว นางยังรับปากท่านอีกว่าจะช่วยให้สือเยว่กลายเป็นแคว้นที่ยิ่งใหญ่ เพื่อผลประโยชน์ของตัวเองท่านถึงกลับยอมสละราษฎรของตน”

“หุบปาก!” สีหน้าของฮ่องเต้สือเยว่ซีดเผือด เขาขบกรามแน่นพลางถาม “เราทำอะไรผิด? นางช่วยให้สือเยว่กลายเป็นแคว้นที่ยิ่งใหญ่ เราทำเช่นนี้เพราะคิดถึงราษฎร ยิ่งไปกว่านั้นการที่ขุมกำลังนั้นใจในพรสวรรค์ของนางก็นับเป็นวาสนาของนาง เราช่วยเหลือนางขนาดนี้ยังไม่ซาบซึ้งในบุญคุณ แล้วยังมาล่าวหาข้าอีก!”

“ฮ่าฮ่าฮ่า!” จี้หรูหยาหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง มุมปากยิ้มหยันพลางเอ่ยต่อ “เช่นนั้นแล้วเหตุใดท่านจึงไม่ถามความสมัครใจของแม่นางมู่ก่อนที่จะใช้กำลังบังคับนางกันเล่า? นั่นเพราะท่านรู้ว่าไม่ว่าผู้หญิงคนใดได้ยินชื่อของขุมกำลังนั้นย่อมไม่เต็มใจเข้าร่วมเป็นแน่”
เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ จี้หรูหยาเงียบไปครู่หนึ่งค่อยเอ่ยต่อ “สำนักเซิ่งหนวี่! สำนักนี้รับแต่ผู้หญิงเท่านั้น และต้องเป็นหญิงพรหมจรรย์ด้วย หญิงสาวที่เข้าร่วมนิกายนี้ต้องมีพรสวรรค์ยอดเยี่ยม หลังอาบน้ำสมุนไพรได้เดือนหนึ่งก็จะถูกส่งตัวให้เจ้าสำนัก หลังจากนั้นจะกลายเป็นตัวเลือกสำหรับฝึกวิทยายุทธ์คู่กับเจ้าสำนัก พูดอีกอย่างก็คือผู้หญิงในนิกายเซิ่งหนวี่ต่างก็เป็นเพียงของเล่นของเจ้าสำนักเท่านั้น เมื่อครั้งที่พระมารดาของกุ่ยหวังถูกลักพาตัวไปเข้านิกายเซิ่งหนวี่ นางหลบหลีออกมาก่อนที่จะถูกเจ้าสำนักเรียกพบ หลังจากท่านรู้เรื่องนี้เข้าก็แจ้งให้สำนักเซิ่งหนวี่ทราบ เป็นผลให้ครอบครัวของอ๋องหนานอันถูกสังหารล้างตระกูล”

น้ำเสียงของจี้หรูหยากระจ่างชัดราวกับได้เห็นภาพเหตุการณ์นั้นด้วยตาของตัวเอง

สีหน้าของฮ่องเต้สือเยว่เปลี่ยนไปเล็กน้อย เหตุใดหญิงสาวผู้นี้จึงรู้มากขนาดนี้? เรื่องเหล่านี้กระทั่งคนที่สนิทที่สุดของเขายังไม่ทราบด้วยซ้ำ

หรือว่าเขาจะเผลอเล่าให้นางฟัง?

สำนักเซิ่งหนวี่ในสายตาของคนทั่วไปนั้นคือสำนักมารแห่งหนึ่ง หากผู้คนล่วงรู้ว่าเขามีความสัมพันธ์กับสำนักเซิงหนวี่ อีกทั้งยังบีบบังคับให้หญิงสาวเข้าสำนักเซิ่งหนวี่ เขาต้องสูญเสียความนับถือจากราษฎรเป็นแน่

“ไร้สาระทั้งเพ! สนมรัก ดูเหมือนว่าเราจะตามใจเจ้าเกินไปจนทำให้เจ้ามีพฤติกรรมไร้มารยาทเช่นนี้! ใครก็ได้ กุมตัวหยากุ้ยเฟยเอาไว้!”

สีหน้าของฮ่องเต้สือเยว่เข้มขึ้น ขณะที่ออกคำสั่ง

จี้หรูหยาคลี่ยิ้มเย็น นางยืนเฝ้ารอความตายเมื่อคนเหล่านั้นเดินตรงเข้ามาที่นาง หากว่ามู่หรูเยว่ตายไปชั่วชีวิตนี้นางคงไม่มีโอกาสได้หนีไปครองคู่กับญาติผู้พี่ของนาง

หากเป็นเช่นนั้นแล้วสู้ตายเสียดีกว่า

“หยาเอ๋อร์”

ในขณะที่จี้หรูหยากำลังยืนเฝ้ารอความตายอยู่นั้น แขนข้างหนึ่งก็เอื้อมมาจากด้านข้างดึงร่างของนางเข้ามาในอ้อมแขน ตามมาด้วยน้ำเสียงอันเศร้าสร้อยดังที่ข้างใบหู

จี้หรูหยาร่างกายสั่นสะท้านเล็กน้อย นางจ้องมองชายหนุ่มหล่อเหลาที่กอดร่างของนางอยู่ นางเอ่ยด้วยน้ำตานองหน้า “ท่านพี่ ท่านไม่ควรเผยตัวเอง”

“หยาเอ๋อร์ อย่าเอ่ยเช่นนั้น หากเจ้าตาย ข้ามีชีวิตต่อไปจะมีความหมายอะไร? หากไม่เป็นเพราะเจ้า ข้าคงออกจากวังไปนานแล้ว หยาเอ๋อร์ ในเมื่อชาตินี้พวกเราอยู่ด้วยกันไม่ได้ เรามาตายร่วมกันเถอะ”
------
คนพรูฟไม่ยอมพรูฟให้อีกตอน ฮีบิซซี่มาก >_<!

posted from Bloggeroid

Last Modified: Wednesday, January 25, 2017

หมอยาเจ้าเสน่ห์: จอมใจราชาปีศาจ บทที่ 122

บทที่ 122 เกิดเป็นชายต้องปกป้องผู้หญิงของตน


“เจ้าเป็นแค่คนโง่ จะมาปกป้องนางได้อย่างไร?” ฮ่องเต้สือเยว่กวาดสายตาผ่านเย่อู๋เฉินอย่างเย็นชา ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขายังคงมีความริษยาสืบเนื่องมาจากบิดาที่แสนเพียบพร้อมและมารดาของเย่อู๋เฉิน

เขาริษยาบิดาของเย่อู๋เฉินนั่นเป็นเพราะว่าเขาเองก็อยากครอบครองชายาของอีกฝ่าย แต่ความรักของคนทั้งสองลึกล้ำเสียจนไม่เปิดโอกาสให้เขาเข้าไปก้าวก่าย หากไม่เป็นเช่นนั้นเขาคงไม่เผยความลับของอ๋องหนานอันและชายาให้คนเหล่านั้นล่วงรู้ และนำพาหายนะมาสู่วังหนานอัน อีกทั้งเป็นเหตุให้เย่อู๋เฉินกลายเป็นคนโง่เสียสติ

“เกิดเป็นชายต้องปกป้องผู้หญิงของตน ไม่ว่าจะมีความสามารถหรือไม่ก็ตาม!”

น้ำเสียงของชายหนุ่มบริสุทธิ์และใสกระจ่างยิ่งกว่าแก้ว สายลมเย็นพัดผ่าน ร่างกายอ่อนแอของเขาในยามนี้ดูพึ่งพาได้อย่างไม่เคยคาดคิดมาก่อน

“ใครก็ได้ สังหารกุ่ยหวัง และจับตัวมู่หรูเยว่เอาไว้!”

นัยน์ตาของฮ่องเต่สือเยว่เปลี่ยนเป็นสีเข้ม ในใจเต็มไปด้วยจิตสังหาร แต่เขายังไม่ลืมคำสั่งของคนผู้นั้นให้จับเป็นเด็กสาวคนนี้เอาไว้

ถึงอย่างนั้นฮ่องเต้สือเยว่เองก็ไม่ทราบว่าคนผู้นั้นเริ่มสนใจเด็กสาวคนนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เขารู้เพียงแต่ว่าคนผู้นั้นมีพลังแข็งแกร่ง ขนาดที่ฮ่องเต้แห่งราชวงศ์สือเยว่เองยังทาบไม่ติด

สำหรับคนผู้นั้นแล้ว การลบล้างแคว้นสือเยว่ออกไปนั้นสามารถทำได้ง่ายดายมาก...

“ช้าก่อน”

ทันใดนั้น น้ำเสียงเปี่ยมเสน่ห์ก็ดังขึ้นจากด้านหลัง

จี้หรูหยาในชุดพระสนมเดินเข้ามาพร้อมนางกำนัล นางดูสง่างามและมีเสน่ห์ราวกับกุหลาบที่พร้อมจะผลิบาน

“ฝ่าบาท แม่นางมู่ผู้นี้ถูกใจหม่อมฉันยิ่งนัก ไม่ทราบว่าฝ่าบาท....”

“สนมรัก เรื่องนี้เจ้าไม่ควรมาก้าวก่าย ถอยไปซะ” ฮ่องเต้สือเยว่เมื่อเห็นจี้หรูหยา สีหน้าของเขาก็ดูอ่อนโยนลงแต่พอได้ยินสิ่งที่นางพูดก็อดขมวดคิ้วขึ้นมาไม่ได้

ถึงเขาจะรักหยากุ้ยเฟยมาก แต่เขารักชีวิตของตัวเองมากกว่า

เป็นไปไม่ได้เลยที่จะขัดคำสั่งของคนผู้นั้น

“ฝ่าบาท”

จี้หรูหยาขบริมฝีปาก นางเดินไปหยุดเบื้องหน้าฮ่องเต่สือเยว่และค่อยๆคุกเข่าลงเบื้องหน้าเขา “ฝ่าบาท ช่วงนี้หม่อมฉันเบื่อหน่ายยิ่งนัก หม่อมฉันจึงอยากให้แม่นางมู่เป็นเพื่อน ไม่รู้ว่าฝ่าบาทจะทรงรับปากคำขอเล็กๆของหม่อมฉันได้หรือไม่”

ขณะที่เอ่ยเช่นนั้น นางใช้นัยน์ตางดงามช้อนมองฮ่องเต่สือเยว่ นัยน์ตาคู่นั้นดูเสน่หา ยั่วยวนประทับใจคน หากเป็นฮ่องเต่สือเยว่ในยามปกติต้องตกอยู่ภายใต้เสน่ห์ของนาง

เพียงแต่ นี่เป็นครั้งแรกที่ฮ่องเต้สือเยว่ไม่เป็นเช่นนั้น

“ใครก็ได้ ส่งหยากุ้ยเฟยกลับ!”

เมื่อจี้หรูหยาได้ยินน้ำเสียงเย็นชาไร้ความรู้สึก หัวใจของนางก็สั่นเทา นางหลับตาลงช้าๆ และเมื่อนางลืมตาขึ้นอีกครั้ง นางก็ผลักคนที่พยายามจะพาตัวนางออกไปอย่างรวดเร็ว

“แม่นางมู่ กุ่ยหวัง พวกท่านรีบหนีไป!”

ไม่มีใครคาดคิดว่าจี้หรูกยาจะกระทำเช่นนี้ออกมา พวกเขาต่างก็ยืนนิ่งอย่างตกตะลึง

สีหน้าของฮ่องเต้สือเยว่เริ่มเข้มขึ้น เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงปวดใจ “สนมรัก เจ้ากำลังทรยศเราหรือ?”

“ทรยศ?” จี้หรูหยากลั้วหัวเราะออกมา น้ำเสียงหัวเราะนั้นฟังราวกับคนเสียสติ นางเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงหดหู่ “ข้าไม่เคยรักท่านแล้วข้าจะทรยศท่านได้อย่างไร? ฝ่าบาท ในฐานะผู้ปกครองแคว้น ต่อให้เพิกเฉยต่อความไร้ประโยชน์อันเป็นเรื่องปกติของท่าน แต่ท่านกลับคิดส่งตัวแม่นางมู่ออกไป? ขุมกำลังนั้นต้องตาพรสวรรค์ของแม่นางมู่ และต้องการตัวนาง หากนางตกอยู่ภายใต้ขุมกำลังนั้น แม่นางมู่จะถูกควบคุมและตกเป็นทาสรับใช้ขุมกำลังนั้นไปชั่วชีวิต แรกเริ่มไม่ใช่เพราะพระมารดาของกุ่ยหวังทรยศขุมกำลังนั้นจึงนำหายนะมาสู่ตระกูลหรอกหรือ? ไม่ว่าแม่นางมู่จะเป็นใคร อย่างไรนางก็เป็นราษฎรของฝ่าบาท ท่านจะปฏิบัติต่อนางเช่นนี้จริงๆหรือ?”
posted from Bloggeroid

หมอยาเจ้าเสน่ห์: จอมใจราชาปีศาจ บทที่ 121

บทที่ 121 กลับถึงเฟิ่งเฉิง ฝ่าบาทเรียกเข้าเฝ้า


เรือนมู่เงียบสงัด แตกต่างจากหลายเดือนก่อนที่มู่หรูเยว่จากมาอย่างสิ้นเชิง

ขณะที่มู่หรูเยว่ก้าวเข้าไปนางเกือบชนกับหลี่ลู่ที่กำลังรีบร้อนออกจากเรือนมู่ เขาเงยหน้ามองเด็กสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้า นัยน์ตาเป็นประกาย “นายหญิง ท่านกลับมาแล้วหรือ? เมื่อครู่ฝ่าบาทเพิ่งส่งคนมาประกาศราชโองการเรียกให้ท่านเข้าเฝ้า ไม่เพียงเท่านั้นฝ่าบาทยังทรงเรียกให้กุ่ยหวังเข้าเฝ้าด้วย”

เข้าวังหลวง?

มู่หรูเยว่ขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนหยักศีรษะ “ข้าทราบแล้ว”

ไม่รู้ด้วยสาเหตุอันใด หัวใจของนางจึงรู้สึกไม่สงบ หรือว่าการเข้าวังหลวงครั้งนี้จะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น?

“จริงสิ หลี่ลู่ หากข้าไปนานแล้วยังไม่กลับมา เจ้าจงไปที่ที่สำนักชิงหยุนประจำการอยู่ หาคนที่ชื่ออาวุโสจ้าว ให้เขาเข้าวังหลวงเพื่อตามหาข้า”

เมื่อเอ่ยเช่นนั้น นางก็ไม่รั้งอยู่ต่อ หมุนตัวและก้าวเดินออกไป

หลี่ลู่ตกตะลึง จ้องมองมู่หรูเยว่อย่างสงสัย หรือว่านายหญิงของเขาจะมีความสัมพันธ์กับสำนักชิงหยุน? อย่างนั้นก็คงไม่แปลกใจที่นางมียาชำระไขกระดูกมากมายขนาดนั้น

วังหลวง ภายนอกดูงดงามตระการตา และหรูหราอลังการอย่างมาก จะมีสักกี่คนที่ล่วงรู้เรื่องราวที่ซุกซ่อนอยู่หลังประตูเล็กๆบานนั้นว่าต้องแลกมาด้วยเลือดเนื้อสักเท่าไหร่? วังหลวงนั้นช่วงชิงวัยเยาว์ของเด็กสาวมานับไม่ถ้วน

หลังประตูบานนั้นลึกลับดั่งห้วงสมุทร เมื่อย่างกรายเข้ามาแล้วอาจต้องสูญเสียอิสรภาพโดยสิ้นเชิง

มู่หรู่เยว่นึกถึงหยากุ้ยเฟย หญิงสาวที่ทั้งงดงามและเสน่ห์ และทอดถอนใจออกมา นางเป็นแค่หญิงสาวที่น่าสงสารถูกบีบบังคับให้ก้าวเข้ามาในประตูเล็กๆบานนี้

เหตุใดข้าจึงถอนหายใจเช่นนี้ด้วย?

ทันทีที่มู่หรูเยว่ก้าวเข้ามาในวังหลวง ทหารจิ่นอีเว่ย (องครักษ์เสื้อแพร) จำนวนมากต่างก็ชี้ปลายกระบี่มาที่ร่างของนาง นางถูกล้อมโดยผู้คนเหล่านี้

เมื่อเห็นผู้คนเหลานี้ ริมฝีปากของมู่หรูเยว่คลี่ยิ้มเย็นชา นางมีลางสังหรณ์แต่แรกแล้วว่าการถูกฮ่องเต้เรียกเข้าเฝ้านั้นไม่ใช่เรื่องดี

หากไม่เพราะอู๋เฉินอยู่ที่นี่ นางคงไม่ยอมเป็นลูกแกะเดินเข้าถ้ำเสือเป็นแน่

“นี่คือวิธีต้อนรับแขกของฝ่าบาทงั้นหรือ?”

มู่หรูเยว่เงยศีรษะขึ้น สายตาเย็นชาของนางมองผ่านกลุ่มทหารองครักษ์ไปยังชายที่สวมชุดสีเหลืองทองด้านบน ริมฝีปากคลี่ยิ้มเย้ยหยันยิ่งกว่าเดิม

“เราไม่มีทางเลือก เพียงแต่ทำตามคำสั่ง” ฮ่องเต้สือเยว่แค่นยิ้มเย็นชา ใบหน้าแก่ชราของเขาดูเคร่งขรึม พลางเอ่ยเสียงเย็น “แม่นางมู่ หวังว่าเจ้าจะยอมรับฟังเราดีๆ เบื้องบนรู้ว่าเจ้าไม่มีทางรับคำเชื้อเชิญง่ายๆ เราจึงได้แต่ใช้วิธีนี้”

คำพูดของเขาเปี่ยมด้วยอำนาจอันแสนราบเรียบเย็นชา ซึ่งแฝงไปด้วยกลิ่นอายของกษัตริย์

ทันใดนั้น มู่หรูเยว่คลี่ยิ้มออกมา รอยยิ้มของนางงดงามอย่างมาก เพียงแต่นัยน์ตาของนางยังคงฉายแววเยียบเย็น “อู๋เฉินอยู่ที่ไหน!”

เมื่อนางเอ่ยขึ้น น้ำเสียงตกใจจากเบื้องหลังฮ่องเต้สือเยว่ก็ดังขึ้น “ชายา”

ตามมาด้วย ร่างในชุดสีม่วงแทรกผ่านช่องว่างอย่างรวดเร็ว มาหยุดอยู่ตรงหน้ามู่หรูเยว่

เมื่อนางเห็นใบหน้าหล่อเหลาของเขาหลังจากไม่ได้เห็นมาแสนนาน หัวใจก็เต้นรัว มีเพียงสวรรค์ที่รู้ว่าช่วงหลายเดือนที่ผ่านมานางคิดถึงชายผู้นี้มากแค่ไหน น้ำเสียงกระจ่างใสของเขาที่ปลุกนางทุกเช้ากลายเป็นความเคยชินไปแล้ว

ความเคยชินเป็นสิ่งน่ากลัว เมื่อเริ่มเคยชินกับมันแล้วก็ยากที่จะยอมสูญเสียมันไป

“เจ้าไม่ควรมาที่นี่”

ทันใดนั้น มู่หรูเยว่คล้ายกับได้ยินเสียงพึมพำ น้ำเสียงนั้นเปี่ยมเสน่ห์และแฝงไปด้วยความอับจนหนทาง เมื่อนางพยายามฟังให้ชัดเจนขึ้น น้ำเสียงนั้นก็หายไปแล้ว

บางทีนางอาจจะคิดไปเอง...

“ชายา” เย่อู๋เฉินกุมมือของนางแน่น เขาเคลื่อนกายอย่างรวดเร็วยืนปกป้องนางจากเบื้องหน้า นัยน์ตากระจ่างใสของเขากวาดมองผู้คนโดยรอบอย่างดุร้าย เขาเอ่ยเสียงข่มขู่ราวกับเด็ก “พวกเจ้าห้ามรังแกชายาของข้านะ!”

นัยน์ตาของเขาดุร้ายราวกับสัตว์ป่า เต็มไปด้วยความระแวดระวัง ราวกลับกลัวว่าคนเหล่านี้จะเข้ามาทำร้ายเด็กสาวที่อยู่เบื้องหลัง
posted from Bloggeroid

Last Modified: Saturday, January 21, 2017

หมอยาเจ้าเสน่ห์: จอมใจราชาปีศาจ บทที่ 120

บทที่ 120 ความตื่นเต้นยินดีของฮูหยินเซิ่งเยว่ ตอนที่2


“ท่านพี่” ฮูหยินเซิ่งเยว่กำแขนเสื้อของเซียวเทียนอวี่จนแน่น นางเอ่ยถามพร้อมประกายน้ำตา “ท่านว่าลูกสาวของเราจะโกรธเคืองพวกเราหรือไม่? นี่ก็ผ่านมาสิบห้าปีแล้ว ไม่รู้ว่าที่ผ่านมานางมีชีวิตอย่างไร บางทีนางอาจจะใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก หลังแยกจากพวกเราไปสิบห้าปี นางจะยอมรับข้าหรือไม่? หากไม่เป็นเพราะพวกเรา นางคงไม่ถูกคนตระกูลหนานกงลักพาไป...”

“ไม่หรอก…” เซียวเทียนอวี่ลูบหลังนางเบาๆพลางเอ่ยอย่างอ่อนโยน “ลูกสาวของพวกเราไม่ถือโทษหรอก หลายปีที่ผ่านมาเจ้าร้องไห้ไม่รู้ตั้งกี่ครั้ง นางต้องอยากพบเจ้าเป็นแน่ ยิ่่งไปกว่านั้น ตอนที่่เราแต่งงานกัน ข้าเคยรับปากว่าชั่วชีวิตนี้จะมีเจ้าเพียงคนเดียว ต่อให้ตาแก่หนังเหนียวในตระกูลกดดันมากแค่ไหน ข้าก็จะไม่ผิดสัญญาต่อเจ้า ปล่อยให้ท่านพ่อจัดการกับตาแก่พวกนั้นก่อนที่เราจะพบลูกสาวของเรา ข้าไม่อยากให้นางกลับบ้านมาแล้วเจอกับเรื่องยุ่งยาก”

“ท่านพี่…” ฮูหยินเซิ่งเยว่รู้สึกตื้นตันใจอย่างมาก หากสามารถตามหาลูกสาวของนางจนพบ ชั่วชีวิตนี้ก็ไม่มีอะไรต้องเสียใจแล้ว

“ท่านพี่ วางใจเถอะ ข้าในวันนี้ไม่เหมือนกับตัวข้าในตอนที่เพิ่งแต่งงานกับท่านเมื่อวันวานแล้ว ข้าได้รับพลังจากจิตวิญญาณน้ำพุศักดิ์สิทธิ์แห่งเซิ่งจิ้ง และได้รับฐานะฮูหยินเซิ่งเยว่ นั่นทำให้ตระกูลเซียวกลายเป็นตระกูลที่แข็งแกร่งที่สุดในเซิ่งจิ้ง ดังนั้นตาแก่พวกนั้นไม่กล้ากดดันให้ท่านรับอนุอีกต่อไป หากลูกสาวของเรากลับมา ผู้ใดกล้ารังแกนางนั่นหมายความว่าพวกเขาไม่เคารพข้า เพียงแต่…”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ น้ำเสียงของฮูหยินสั่นเทาเล็กน้อยขณะที่นางใช้มือทุบหน้าอกของเซียวเทียนอวี่ พลางคลี่ยิ้ม “ท่านต้องเตือนท่านพ่อว่าตาแก่พวกนั้นอาศัยความอาวุโสของตนทำอะไรตามอำเภอใจ อย่าลืมว่าใครคือประมุขที่แท้จริง ข้ายังจำสีหน้าพวกนั้นตอนที่พยายามกดดันให้ท่านรับอนุได้ นึกแล้วยังขยะแขยงจนถึงวันนี้”

ยิ่งไปกว่านั้น หากตาแก่พวกนี้ไม่เข้ามาขัดขวาง เมื่อสิบห้าปีก่อนท่านพี่ของนางคงได้ฆ่าล้างตระกูลหนานกงชั่วช้านั่นไปแล้ว

เหุผลของคนพวกนั้นเพียงแค่รักษาความสงบและความปรองดองของเซิ่งจิ้ง พวกเขากล้าทำร้ายลูกสาวของนาง เพียงฆ่าให้ตายก็คงสบายเกินไป นางต้องการให้คนพวกนั้นมีชีวิตที่เหมือนตายทั้งเป็น

“อวี้เอ๋อร์ เหตุใดเจ้าจึงสนใจตาแก่พวกนั้นเหลือเกิน? ข้าไม่ใช่ลูกชายของพวกเขาเสียหน่อย เมื่อตอนนั้นพ่อแม่ของข้าก็อยู่ข้างเราไม่ใช่หรือ?” เซียวเทียนอวี่จับมือของฮูหยินเซิ่งเยว่ คลี่ยิ้มปลอบโยน “ตกลง ข้าจะไปตามหาท่านพ่อให้เขาจัดการเรื่องในตระกูลให้เรียบร้อย เพื่อไม่ให้อำนาจตาแก่พวกนั้นมากเกินไป พวกเขาจะได้ไม่ลืมฐานะตัวเอง หากพวกเขากล้าสร้างปัญหาให้ลูกสาวของเราล่ะก็….”

นัยน์ตาของเซียวเทียนอวี่เปล่งประกายเยียบเย็นวูบหนึ่ง “ข้าไม่ถือที่จะช่วยท่านพ่อกำจัดคนเหล่านี้จากตระกูล ไม่ว่าใครก็ไม่อาจรังแกลูกรักของเราได้”

“อย่างนั้นข้าจะไปกับท่านด้วย ข้าออกไปข้างนอกไม่ได้เจอท่านพ่อมาพักใหญ่แล้ว จริงสิ ท่านพี่ ข้าเพิ่งรับลูกสาวบุญธรรมมาคนหนึ่ง เห็นนางทีไรแล้วข้านึกถึงลูกสาวที่น่าสงสารของข้าทุกที ถึงอย่างนั้นโชคชะตาก็นำพาให้เราได้พบกัน แถมนางยังช่วยชีวิตชิงชิงเอาไว้…”

หลังจากนั้นฮูหยินเซิ่งเยว่ก็เล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้แก่เซียวเทียนอวี่

อาจเป็นเพราะว่าในที่สุดก็ค้นพบเบาะแสของลูกสาวตน ฮูหยินเซิ่งเยว่จึงคลายความกังวล นางเปล่งประกายกระฉับกระเฉงมีชีวิตชีวา ทำให้เซียวเทียนอวี่อดคลี่ยิ้มออกมาไม่ได้

พวกเขาเพียงแต่หวังว่าเบาะแสนี้เป็นเรื่องจริง ตระกูลของเขาไม่อาจทนการสั่นคลอนได้อีกต่อไป...

posted from Bloggeroid

หมอยาเจ้าเสน่ห์: จอมใจราชาปีศาจ บทที่ 119

บทที่ 119 ความตื่นเต้นยินดีของฮูหยินเซิ่งเยว่ ตอนที่1


ตระกูลเซียวแห่งเซิ่งจิ้ง

ฮูหยินเซิ่งเยว่เมื่อได้ยินลูกน้องของนางรายงานก็ผุดลุกขึ้นยืนอย่างตื่นเต้น นางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงของสั่นเครือ “เจ้า…. เจ้าพูดจริงหรือ? เจ้ารู้ที่อยู่ของลูกสาวของข้า?”

นางตามหาลูกสาวที่หายไปมาแสนนาน ในที่สุดก็พบเสียที...

“ท่านพี่ ท่านได้ยินหรือไม่? เขาบอกว่ารู้ที่อยู่ลูกสาวของเรา ลูกสาวที่น่าสงสารของข้า” ฮูหยินเซิ่งเยว่จับแขนเสื้อของชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านข้าง นางรู้สึกตื้นตันใจจนหลั่งน้ำตาออกมา

ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาผู้หนึ่งยืนอยู่ด้านข้างฮูหยินเซิ่งเยว่ ความตื่นเต้นยินดีฉายชัดบนใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา เขาเอื้อมมือดึงร่างของหญิงสาวด้านข้างสู่อ้อมกอด พลางเอ่ยอย่างอ่อนโยน “ข้าได้ยินแล้ว อวี้เอ๋อร์ ฟังเรื่องที่เซียวหลินต้องการบอกก่อน เซียวหลิน จงบอกพวกเรามาว่าเจ้าสืบได้อะไรมาบ้าง”

“ขอรับ นายน้อย ฮูหยินน้อย” ชายวัยกลางคนนามว่า เซียวหลิน คำนับอย่างนอบน้อม ก่อนเอ่ยด้วยด้วยน้ำเสียงชัดถ้อยชัดคำ “ก่อนหน้านี้ พวกเราคิดมาตลอดว่าคุณหนูใหญ่อยู่ในเซิ่งจิ้ง ดังนั้นพวกเราจึงได้ตามหานางในเซิ่งจิ้งมาตลอด แต่จากที่ข้าสืบทราบมา เมื่อปีนั้นคนของตระกูลหนานกงต้องการฆ่าคุณหนูใหญ่เพื่อแก้แค้นนายน้อยและฮูหยินน้อย ข้ารับใช้คนหนึ่งทนไม่ได้จึงได้ลักลอบพาคุณหนูใหญ่ไปที่บ้านหลังหนึ่งในดินแดนอื่น และให้เจ้าของบ้านนั้นประกาศว่าคุณหนูนั้นเป็นลูกสาวแท้ๆของตน บังเอิญว่าฮูหยินของตระกูลนั้น คลอดบุตรยาก และทารกเสียชีวิตตั้งแต่คลอดพอดี พวกเขาจึงนำคุณหนูใหญ่มาสับเปลี่ยนแทน เมื่อข้ารับใช้ผู้นั้นกลับมาก็รายงานว่าคุณหนูใหญ่ถูกเขาสังหารไปเรียบร้อยแล้ว เวลานี้พวกเรามีเบาะแสเพียงเล็กน้อย ยังไม่แน่ใจนัก…”

“อย่างนั้นก็ดี…” ฮูหยินเซิ่งเยว่ทิ้งกายลงในอ้อมกอดของนายน้อยตระกูลเซียว ร่างกายบอบบางของนางสั่นเทาอย่างตื่นเต้น “ข้าเคยบอกแล้วว่า ลูกสาวของเราเพียงแค่หายไป นางยังไม่ตาย ข้ารู้จักลูกสาวของข้าดี ต่อให้นางไม่อยู่ข้างกายข้า แต่สัมพันธ์ทางสายเลือดไม่อาจตัดขาด นางต้องยังมีชีวิตอยู่ที่ไหนสักแห่งเป็นแน่”

เมื่อสิบห้าปีก่อน คุณหนูใหญ่ของตระกูลหนานกงตกหลุมรักนายน้อยตระกูลเซียว เซียวเทียนอวี่ แต่ตอนนั้นเซียวเทียนอวี่มีภรรยารักและลูกอยู่แล้ว สองสามีภรรยารักใคร่กันมาก ถึงอย่างนั้นคุณหนูใหญ่ตระกูลหนานกงก็ยังยอมทิ้งศักดิ์ศรี ยอมเป็นอนุเพียงเพื่อได้อยู่เคียงข้างเขา ถึงอย่างนั้นเซียวเทียนอวี่ก็บอกนางอย่างชัดเชนว่าชั่วชีวิตนี้จะแต่งภรรยาเพียงคนเดียว

หนึ่งคู่ครองไปชั่วชีวิต...

คุณหนูใหญ่ตระกูลหนานกงเปลี่ยนความรักเป็นความเกลียดแค้น เมื่อฮูหยินเซิ่งเยว่ตั้งครรภ์อีกครั้งและให้กำเนิดเด็กผู้หญิงคนหนึ่งออกมา คุณหนูใหญ่ก็ส่งคนแทรกซึมเข้ามาในตระกูลเซียวและลอบขโมยทารกผู้นั้นไป จากนั้นก็ประกาศว่าเด็กทารกผู้นั้นตายด้วยเงื้อมมือนาง เซียวเทียนอวี่โกรธจัดคว้ากระบี่ บุกเข้าไปในตระกูลหนางกงด้วยตัวคนเดียว พร้อมอาละวาดเข่นฆ่าล้างตระกูลหนานกงจนย่อยยับ

หากว่าพวกตาแก่หนังเหนียวของตระกูลเซียวไม่มาห้ามเขาเอาไว้ เกรงว่าตระกูลหนานกงคงถูกฆ่าล้างตระกูลไปแล้ว

ไม่ว่าผู้อื่นจะพูดอย่างไร ฮูหยินเซิ่งเยว่ก็ยังคงเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่าลูกสาวของนางยังมีชีวิตอยู่ตั้งแต่แรกเริ่ม ดังนั้นนางจึงส่งคนออกตามหานางไปทั่วเซิ่งจิ้ง ถึงอย่างนั้นตลอดสิบห้าปีที่ผ่านมาก็ไม่พบเบาะแสแม้แต่น้อย

ใครจะคาดคิดว่าลูกสาวของนางไม่ได้อยู่ในเซิ่งจิ้ง แต่กลับถูกพาไปยังดินแดนภายนอกอย่างลับๆ?

“อวี้เอ๋อร์ วางใจเถอะ ลูกสาวของเราต้องกลับมา และบางทีลูกของเราอาจจะเติบโตเป็นสาวงามก็เป็นได้” เซียวเทียนอวี่ปลอบฮูหยินเซิ่งเยว่พลางหัวเราะออกมา หัวใจของเขายังรู้สึกตื่นเต้นไม่หาย “เซียวหลิน ไปสืบเรื่องนี้ให้กระจ่าง ไม่ว่าอย่างไร ข้าต้องได้พบลูกสาวสุดที่รักของข้า”

ไม่ว่าจะเป็นฮูหยินเซิ่งเยว่ หรือ เซียวเทียนอวี่ ต่างก็กระวนกระวายอยากพบลูกสาวที่หายไปโดยเร็ว

posted from Bloggeroid

Last Modified: Thursday, January 19, 2017

หมอยาเจ้าเสน่ห์: จอมใจราชาปีศาจ บทที่ 118

บทที่ 118 พี่น้องตระกูลมู่ผู้อาภัพ


“สาวน้อย ข้าจำเป็นต้องกลับสำนักชิงหยุนแล้ว หากอาวุโสจ้าวยังคงรั้งอยู่ในเมืองเฟิ่งเฉิง ถ้าเจ้ามีเรื่องอันใดให้ช่วยเหลือก็ไปหาเขาได้ เพียงแต่…” อู๋หวีจ้องมองหัวหน้าสมาคมพลางกลั้วหัวเราะ “แต่ด้วยตำแหน่งผู้อาวุโสกิตติมศักดิ์ของเจ้า คงจะไม่มีผู้ใดกล้ามีปัญหากับเจ้าหรอก”


ทั่วทั้งสี่แคว้น ผู้ที่มีอำนาจเหนือสมาคมโอสถมีเพียงเซิ่งจิ้ง (ดินแดนศักดิ์สิทธิ์) อันลึกลับ

ยิ่งไปกว่านั้นแล้ว ภายในเซิ่งจิ้งนั้น ตระกูลเซียวคือตระกูลที่ทรงอำนาจที่สุด เขาได้ยินมาว่าลูกศิษย์ของเขามีความสัมพันธ์กับฮูหยินน้อยตระกูลเซียว หากสามารถสนิทสนมกับนางได้ ต่อให้เป็นผู้กล้าจากถิ่นกำเนิดในดินแดนภาคกลางก็ต้องให้ความเกรงใจอยู่หลายส่วน


เมืองเฟิ่งเฉิง ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงนับจากมู่หรูเยว่จากไป แต่ในช่วงเวลาที่นางไม่อยู่นั้น บุตรสาวทั้งสองของตระกูลมู่นั้นมีชีวิตยิ่งกว่าตายทั้งเป็น

ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงไปเลยตั้งแต่มู่หรูเยว่จากเมืองเฟิ่งเฉิงไป เว้นแต่ในระหว่างที่นางไม่อยู่นั้น ลูกสาวทั้งสองของตระกูลมู่มีชีวิตเลวร้ายยิ่งกว่าตายเสียอีก


มู่ถิงเอ๋อร์ผู้นั้นอยากแต่งงานกับเย่เทียนเฟิงไม่ใช่หรือ? ก่อนที่เทียนหยวนจะจากเมืองเฟิ่งเฉิง เขายกถิงเอ๋อร์ให้เป็นอนุเล็กๆคนหนึ่งของเย่เทียนเฟิง ถึงแม้ตระกูลมู่จะรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่พวกเขาจะกล้าขัดคำสั่งของท่านอาจารย์เทียนหยวนได้อย่างไร?


เดิมทีพวกเขาคิดว่าการที่มู่ถิงเอ๋อร์ได้กลายเป็นคนติดตามของเทียนหยวนนั้นเป็นหนทางอันรุ่งโรน์ของตระกูลมู่ ใครจะคาดคิดว่าเหตุการณ์กลับกลายเป็นเช่นนี้ได้?

จนถึงตอนนี้ พวกเขายังไม่ทราบว่า เทียนหยวนให้มู่ถิงเอ๋อร์ทานยาอะไรเข้าไป ทำให้นางไม่อาจกำเนิดบุตรได้อีก หรือพูดอีกนัยคือชีวิตของมู่ถิงเอ๋อร์นั้นจบสิ้นลงแล้ว

ภายในตำหนักจิ่ง นางเป็นเพียงแค่อนุคนเล็กๆขององค์รัชทายาท แรกเริ่มนางต้องการยกฐานะตัวเองด้วยการให้กำเนิดบุตรของเย่เทียนเฟิง แต่โอกาสเช่นนั้นถูกเทียนหยวนทำลายตั้งแต่ยังไม่เริ่ม

ใครให้ตระกูลมู่ต่ำช้าสร้างปัญหาให้เขากันเล่า? หากไม่เป็นเพราะตระกูลต่ำช้านี่ เขาจะลงเอยด้วยการล่วงเกินท่านอาจารย์อู๋หวีหรือ?

ดังนั้นความโกรธแค้นในใจของเทียนหยวนจึงมาลงที่มู่ถิงเอ๋อร์

เมื่อเทียบกับมู่ถิงเอ๋อร์แล้ว มู่อี้เสี่ยยังมีชีวิตอาภัพยิ่งกว่านางเสียอีก

เมื่อไม่นานมานี้ นางถูกลอบวางยาโดยไม่รู้ตัว ทำให้พลาดพลั้งมีอะไรกับหมิงเสียงคนรับใช้หนุ่ม หลังจากนั้นนางก็ถูกเขาตามรังควานและตักตวงผลประโยชน์จากนางทุกค่ำคืน ไม่รู้ว่าหมิงเสียงผู้นี้ใช้ยาอะไร แต่ทุกครั้งที่นางสูดกลิ่นเข้าไป ร่างกายของนางก็จะไร้เรี่ยวแรง ด้วยเหตุนั้นนางจึงกลายเป็นแค่ลูกแกะที่รอให้ขย้ำ

นางเคยส่งคนไปลอบสังหารหมิงเสียง แต่ไม่รู้ด้วยเหตุใดคนเหล่านั้นจึงไม่เคยกลับมา เช่นนั้นแล้วนางจึงได้แต่ถูกคนรับใช้ต่ำช้าผู้นั้นรังควานทุกค่ำคืน

แน่นอนว่ามู่อี้เสี่ยนั้นไม่ทราบว่าเย่อู๋เฉินเป็นผู้บงการเรื่องนี้ตั้งแต่แรกเริ่ม ไม่อย่างนั้นหมิงเสียงจะบังเอิญปรากฏตัวอยู่ที่นั่นได้อย่างไร?

แต่ไหนแต่ไรมาชายผู้นั้นเป็นพวกนิสัยใจคอโหดเหี้ยม  ไม่เคยมีความคิดที่จะรักหยกถนอมบุปผาเลยแม้แต่น้อย

“เสี่ยเอ๋อร์ เหตุใดช่วงนี้สีหน้าเจ้าถึงดูไม่ค่อยดีนัก?” มู่ชิงจ้องมองมู่อี้เสี่ยพลางขมวดคิ้ว หลายวันมานี้เขามัวแต่ยุ่งกับเรื่องอื่นจนละเลยบุตรสาวผู้นี้

มู่อี้เสี่ยขบริมฝีปากสีชมพู ใบหน้าซีดเซียวเผยรอยยิ้ม “ท่านพ่อ ข้าไม่เป็นไร ท่านพ่อรู้หรือไม่ว่าตอนนี้มู่หรูเยว่อยู่ที่ไหน?

นางย่อมไม่บอกเรื่องนี้ให้ท่านพ่อรู้เป็นอันขาด เพราะด้วยนิสัยของท่านพ่อไม่ว่าเขาจะตามใจนางแค่ไหน เขาต้องจับนางแต่งงานกับคนรับใช้ผู้นั้นแน่นอน

ด้วยฐานะสูงส่งของนาง จะให้แต่งกับคนรับใช้ได้อย่างไร?

“อย่าเอ่ยเรื่องของหญิงคนนั้น!” มู่ชิงสีหน้าถมึงทึง เขาแค่นเสียงพลางเอ่ย “ข้าจะถือว่าไม่เคยมีลูกสาวอกตัญญูอย่างนาง ยิ่งไปกว่านั้น หากเมื่อปีนั้นข้าไม่...”

เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ มู่ชิงก็รู้สึกว่าตนได้พลั้งปากออกไป เขารีบหุบปากเงียบ เรื่องเมื่อปีนั้นต้องไม่ให้ผู้ใดล่วงรู้เป็นอันขาด ต่อให้คนผู้นั้นจะเป็นลูกสาวแท้ๆก็ตาม
posted from Bloggeroid

Last Modified: Tuesday, January 17, 2017

หมอยาเจ้าเสน่ห์: จอมใจราชาปีศาจ บทที่ 117

บทที่ 117 การพบกันของศิษย์อาจารย์


“ขอรับ นายท่าน!’

เงาสีดำกระโดดลงมาที่ด้านหลังของเย่อู๋เฉินพร้อมก้มคำนับอย่างนอบน้อม จากนั้นเงาของเขาก็หายไปอย่างรวดเร็ว ราวกับไม่เคยปรากฏตัวมาก่อน...

////////

“สาวน้อย เจ้ามาแล้วหรือ?”

ภายในห้องโถงของสมาคมโอสถ อู๋หวีที่กำลังสนทนาอยู่กับหัวหน้าสมาคม หันหน้ามองมู่หรูเยว่ที่เพิ่งเดินเข้ามา นัยน์ตาของเขาเปล่งประกาย พลางกลั้วหัวเราะ “สาวน้อย เจ้าเข้าร่วมงานชุมนุมยิ่งใหญ่เช่นนี้เป็นครั้งแรก อีกทั้งสร้างผลงานเช่นนี้ อาจารย์รู้สึกภูมิใจยิ่งนัก”

เมื่อหลายปีก่อน ตาเฒ่าหัวหน้าสมาคมนั้นอาศัยโชคช่วยเอาชนะเขา แต่มาวันนี้หลานชายสุดที่รักของอีกฝ่ายกลับพ่ายแพ้ให้แก่ศิษย์ของเขา?

มู่หรูเยว่เดินเข้ามาข้างใน และจ้องมองอู๋หวี พลางเอ่ย “ข้าอยู่ที่นี่ได้ระยะเวลาหนึ่งแล้ว ถึงเวลาที่ข้าต้องกลับเฟิ่งเฉิงเสียที”

“หึหึ เรื่องนั้นไม่ต้องรีบร้อน ศิษย์ข้า เมื่อครู่หัวหน้าสมาคมบอกว่าอยากให้เจ้าเป็นผู้อาวุโสกิตติมศักดิ์ของสมาคมโอสถ เจ้าคิดว่าอย่างไร?” อู๋หวีลูบฝ่ามือเข้าหากัน เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม

“ข้าไม่สนใจ” มู่หรูเยว่เอ่ยตอบอย่างไม่สนใจ

“เพราะเหตุใด?”

อู๋หวีตะลึงงัน เขาไม่คิดว่านางจะเอ่ยปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมาโดยไม่เสียเวลาคิดด้วยซ้ำ

มู่หรูเยว่จ้องมองเขาด้วยสีหน้าราบเรียบ พลางเอ่ย “ทำงานเหนื่อยแทบตายมีอะไรดี? มีแต่คนโง่เท่านั้นที่อยากทำ”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ไม่เพียงอู๋หวี บรรดาคนอื่นๆต่างก็ตกตะลึง นางต้องการจะสื่อว่าเหล่าผู้อาวุโสสมาคมโอสถเป็นพวกโง่เงาที่ทำงานเสียแรงเปล่าอย่างนั้นหรือ?

มีผู้ใดบ้างไม่อยากเข้าร่วมสมาคมโอสถ? แต่สำหรับนางแล้ว กลับเป็นงานที่มีแต่คนโง่เท่านั้นที่ยอมทำ

“เด็กโง่!” อู๋หวีจ้องมองนางด้วยสายปวดใจที่คาดหวังนางไว้สูงเกินไป “เจ้ารู้หรือไม่ว่าอะไรคือผู้อาวุโสกิตติมศักดิ์? นั่นหมายความว่าเจ้าไม่จำเป็นต้องทำอะไร แต่ก็สามารถใช้สิทธิประโยชน์ของการเป็นผู้อาวุโสได้ สมาคมโอสถเพียงต้องการใช้ชื่อของเจ้าสร้างชื่อเสียงให้แก่สมาคม เรื่องดีเช่นนี้เจ้ายังคิดปฏิเสธอีกหรือ? หากเจ้าไม่โง่แล้วเรียกว่าอะไร?”

สาวน้อยผู้นี้ช่างไม่รู้จักกอบโกยผลประโยชน์ ยังกล้าหาว่าเรื่องดีๆเช่นนี้เป็นเรื่องโง่เง่า?

“ดีเช่นนั้นเลยหรือ?” มู่หรูเยว่นัยน์ตาเป็นประกาย นางคลี่ยิ้มพลางเอ่ย “ถ้าอย่างนั้นข้ายอมรับตำแหน่งผู้อาวุโสกิตติมศักดิ์ก็ได้”

ถึงอย่างไรนางก็ไม่จำเป็นต้องทำอะไร แต่ยังสามารถใช้สิทธิประโยชน์ของผู้อาวุโสได้

“ฮ่าฮ่า!” หัวหน้าสมาคมหัวเราะออกมา นัยน์ตาของเขาฉายแววเจ้าเล่ห์ “สาวน้อย ใต้หล้านี้ล้วนอยู่ภายใต้อำนาจของสมาคมโอสถ หากเจ้าต้องการสมุนไพรเมื่อไหร่ เจ้าเพียงแค่ไปที่หอโอสถ แต่มีเรื่องหนึ่งที่ข้าอยากรบกวนเจ้า”

มู่หรูเยว่เลิกคิ้วขึ้น “เรื่องอะไรงั้นหรือ?”

“เรื่องเป็นเช่นนี้” หัวหน้าสมาคมกลั้วหัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์ “ถึงหลานชายของข้าจะมีพรสวรรค์ไม่เลว แต่เมื่อเทียบกับเจ้าแล้วยังเป็นรองกว่า ดังนั้นข้าจึงอยากให้หลานชายของข้าได้เรียนรู้จากเจ้าชั่วระยะเวลาหนึ่ง เจ้าคิดว่าอย่างไร?”

“นี่ ตาเฒ่า เจ้ายังไม่เลิกคิดขโมยศิษย์รักของข้าใช่หรือไม่?” อู๋หวีจ้องมองหัวหน้าสมาคมด้วยสายตาไม่พอใจ ใบหน้าของเขาฉายแววไม่สบอารมณ์

รอยยิ้มของหัวหน้าสมาคมชะงักไปเล็กน้อย เขากรอกตามองอู๋หวี “เจ้าเคยบอกว่าศิษย์ของเจ้ามีคู่หมั้นอยู่แล้ว ข้าจะยังมีแผนการอะไรได้อีกเล่า? ข้าเพียงแค่อยากให้หลานชายของข้าได้เรียนรู้จากนางสักระยะหนึ่ง ข้ายืนยันว่าไม่ได้มีแผนการแอบแฝง ถึงข้าจะอยากให้สาวน้อยผู้นี้มาเป็นหลานสะใภ้ของข้าแค่ไหนก็ตาม เสียดายที่ข้าไม่รู้จักนางก่อนหน้า....”

เมื่อคิดถึงเรื่องนั้น หัวหน้าสมาคมก็สั่นศีรษะอย่างเสียดาย เขานึกอยากให้หลายชายของเขาได้เรียนรู้จากนาง ถึงอย่างไรเขาก็มีความคิดเลวร้ายถึงขนาดพรากคู่รักออกจากกัน

-----------
ตำแหน่งนางเอกนี่อารมณ์ เป็นผู้อาวุโสในนาม คิดว่าใช้กิตติมศักดิ์แทนน่าจะได้(มั้ง)

ปล. เลิกติดเกมแล้ว แหะๆ... แต่ไม่ได้แปลเก็บสต็อกไว้ รอคนพรูฟให้เสร็จก็จะแวบมาลง พอมีช่วงเนื้อหาที่ไม่อยากแปลก็จะเนือยๆนิดนึง ปกติเวลาอ่านจะอ่านข้ามๆพอต้องมาแปลแล้วรู้สึกแปลกๆ @@;;
posted from Bloggeroid

Last Modified: Friday, January 13, 2017

หมอยาเจ้าเสน่ห์: จอมใจราชาปีศาจ บทที่ 116

บทที่116 ความโกรธของเย่อู๋เฉิน และการทรมาน


ชายชุดสีเทาพุ่งตัวจากท้องฟ้าลงมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้ามู่หรูเยว่

ชายชราผู้นี้ทั่วทั้งร่างคลุมด้วยชุดสีเทา หากนัยน์ตาทั้งสองจับจ้องมาที่มู่หรูเยว่ เขาแค่นเสียงออกมาก่อนจะพุ่งเข้าหานาง แต่ก่อนที่เขาจะถึงตัวมู่หรูเยว่ ชายหน้ากากสีเงินซึ่งกอดร่างของนางเอาไว้ก็ยกมือขึ้น...

ตูม!

พลังแข็งแกร่งประทะร่างของชายชรา ร่างของเขากระเด็นไปด้านหลังราวกับผ้าบางๆผืนหนึ่ง โครม! เขาล้มกระแทกร้านแผงลอยข้างถนน

“อาจารย์!” สีหน้าของหลิงเย่เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง นัยน์ตาเต็มไปด้วยความตื่นตะลึง

เขารู้ว่าดีว่าอาจารย์ของเขานั้นแข็งแกร่งถึงเพียงไหน หากในวันนี้อาจารย์ของเขากลับไม่สามารถรับการโจมตีเพียงครั้งเดียวของชายผู้นี้? แท้จริงแล้วคนผู้นี้เป็นใครกันแน่?

เย่อู๋เฉินกลั้วหัวเราะอย่างน่าขนลุก นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชา

เขาไม่เสียเวลามองชายชราชุดเทาแม้แต่น้อย เขาหมุนตัวกลับมาหาหลิงเย่ที่ยังคงมีสีหน้าตื่นตะลึง เย่อู๋เฉินไม่เอ่ยคำพูด แค่เพียงกลิ่นอายสังหารที่แผ่ออกจากร่างกายของเขาก็เพียงพอทำให้หลิงเย่หวาดกลัว

หลังจากนั้น เป็นเพียงการทรมานเพียงฝ่ายเดียว...

ภายใต้ความโกรธเกรี้ยวของเย่อู๋เฉิน หลิงเย่ทำได้แต่ทนรับความเจ็บปวดจากการโจมตีของเขา หมัดของเขาหนักหน่วงราวกับภูผา แทบบดขยี้ร่างกายของหลิงเย่เป็นผุยผง

“หยุดมือ!” ชายชราชุดเทาลุกขึ้นยืนและเห็นเหตุการณ์นั้น สีหน้าของเขาเปลี่ยนกระทันหัน พลันพุ่งกายเข้าหาเย่อู๋เฉินอีกครั้ง แต่ยังไม่ทันได้เข้าใกล้ร่างของเย่อู๋เฉินก็ถูกพลังกราดเกรี้ยวของอีกฝ่ายเหวี่ยงกระเด็นออกมา

เย่อู๋เฉินยกฝ่ามือขึ้นโบกคราหนึ่ง ส่งกระแสลมพัดร่างของหลิงเย่ลอยขึ้นไปบนอากาศ

ร่างกายของหลิงเย่ถูกเหวี่ยงอยู่ท่ามกลางอากาศหลายครั้งก่อนจะร่วงลงมากระแทกกับพื้น กระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง สีหน้าของเขาซีดเผือดด้วยความกลัว

“เจ้า…”

หลิงเย่จ้องมองเย่อู๋เฉินด้วยสายตาแค้นเคือง เขาเห็นชายหนุ่มสร้างกระแสลมส่งมาทางเขาอีกครั้งหนึ่งก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไรต่อ ครั้งนี้ฟันของหลิงเย่หลุดออกมา

เย่อู๋เฉินยังไม่ลืมว่า เมื่อครู่ชายผู้นี้เพิ่งทำร้ายผู้หญิงของเขา

นัยน์ตาของเย่อู๋เฉินดูน่าขนลุกยิ่งกว่าเดิม เขาเดินเข้าไปยืนเบื้องหน้าหลิงเย่และยกมือขึ้น กระบี่สีม่วงปรากฏที่มือของเขา

โครม!

เย่อู๋เฉินเตะหน้าอกของหลิงเย่อย่างแรง และยืนมองอีกฝ่ายจากด้านบน ในชั่วขณะนั้นรอยยิ้มราวกับปีศาจผุดขึ้นที่ใบหน้าของเขา แผ่กลิ่นอายราวกับเทพอสูรสร้างความหวาดผวาให้กับผู้คน

“เจ้าทำร้ายผู้หญิงของเรา เราต้องเอาคืนเจ้าเป็นสิบเท่า! เมื่อครู่เจ้าใช้มือข้างไหนทำร้ายนาง?”

กลิ่นอายที่แผ่ออกจากร่างของชายหนุ่มน่าหวาดกลัวยิ่งนัก สีหน้าของหลิงเย่เปลี่ยนอีกครั้ง เขาร้องตะโกน “อาจารย์ ท่านรีบช่วยข้าเร็วเข้า!”

วูบ!

เย่อู๋เฉินเพียงแกว่งกระบี่สีม่วงในมือ แขนของหลิงเย่ก็ถูกฟันจนขาดกระเด็นลงบนพื้น เลือดพวยพุ่งออกจากบาดแผลทันที เย่อู๋เฉินเคลื่อนกายไปด้านข้างอย่างรวดเร็วเพื่อหลบหยาดเลือดที่กระเซ็นออกมา

“อ๊ากกก!”

หลิงเย่แหกปากร้องอย่างเจ็บปวด หากไม่เพราะเขาเป็นคนที่มีจิตใจเข้มแข็งล่ะก็ เกรงว่าความเจ็บปวดจากกระบี่นั้นคงทำให้เขาหมดสติไปแล้ว

“ไม่!” นัยน์ตาของชายชราชุดเทาเต็มไปด้วยสีแดงก่ำ “หากแค้นในครั้งนี้ไม่อาจชำระ ไม่ขอเป็นคนอีก! สักวันหนึ่งข้าจะกลับมาล้างแค้นเจ้าให้ได้ เย่เอ๋อร์ พวกเราไป!”

ตูม!

ชายชราชุดเทาโยนระเบิดควันใส่เย่อู๋เฉิน ทันใดนั้นควันก็พวยพุ่งขึ้นทั่วบริเวณ เมื่อควันเริ่มจางหายไป ทั้งอาจารย์และลูกศิษย์ต่างก็หายตัวไปเรียบร้อยแล้ว...

“หยุนหาน!” นัยน์ตาของเย่อู๋เฉินเป็นสีเข้มขึ้นยามจับจ้องบริเวณที่อาจารย์และลูกศิษย์นั้นหายตัวไป เขาเอ่ยสั่งด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นจนน่าขนลุก “ให้ทุกคนในตำหนักกุ่ยจงออกตามหาให้ทั่วทุกซอกทุกมุม นำตัวคนทั้งสองมาให้เรา! ห้ามปล่อยให้พวกมันมีชีวิตรอดโดยเด็ดขาด”

-------
เยว่เยว่ แวบหายไปตอนไหน อย่าถามเรา เราก็ตามหานางอยู่เหมือนกัน T^T #พกใบวาร์ปก็ไม่บอก ส่วนพ่อสายแบ๊วนี่ก็ทำตัวยังกะจีเอ็ม... โกงเลเวลนี้ยังต้องกลัวศัตรูอีกหรา

ปล. ลงไว้เท่านี้ก่อน วันหยุดตั้งใจจะหนีเที่ยว
posted from Bloggeroid

หมอยาเจ้าเสน่ห์: จอมใจราชาปีศาจ บทที่ 115

บทที่ 115 อาจารย์ของหลิงเย่ และ เย่อู๋เฉินออกโรง


เมื่อนางกลืนยาลงไป ฤทธิ์ของยาก็แสดงผลในทันทีทำให้อวัยวะภายในได้รับการฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว หากไม่เพราะมียาเหล่านี้อยู่ในมือ มู่หรูเยว่คงไม่กล้าทำบุ่มบ่ามเช่นนี้

“ย๊าก!” หลิงเย่ส่งเสียงคำรามราวสัตว์ป่า วูบ! เขาพุ่งกายเข้าหามู่หรูเยว่อีกครั้ง ครั้งนี้เขารวบรวมพลังทั้งหมดที่เหลืออยู่ไว้ในกระบี่หมายที่จะสังหารเด็กสาวให้ตายในดาบเดียว

ตูม!

พลังอันกราดเกรี้ยวพุ่งเข้าสู่ร่างกายของมู่หรูเยว่ เป็นผลให้ร่างของนางกระเด็นถอยหลังไปอย่างรุนแรง นางรีบหยิบยาอีกขวดหนึ่งออกมาและกลืนมันลงไป ร่างกายของนางฟื้นคืนสู่สภาพสมบูรณ์ในทันทีอีกครั้งหนึ่ง

มีแต่สวรรค์ที่รู้ว่าเย่อู่เฉินนั้นต้องอดทนกับความอยากพุ่งออกไปสังหารหลิงเย่ในทันทีถึงเพียงไหน หากเขารู้ดีว่ามู่หรูเยว่ไม่ต้องการให้เขายื่นมือเข้าช่วยเหลือ เขาจึงต้องเคารพการตัดสินใจของนาง

แต่ทุกครั้งที่เห็นมู่หรูเยว่ได้รับบาดเจ็บ หัวใจของเขาก็ราวกับถูกกรีด ใบหน้าหล่อเหลาภายใต้หน้ากากนั้นเปลี่ยนเป็นสีดำดุจถ่าน เขากำหมัดแน่นจนเลือดไหลออกจากฝ่ามืออย่างไม่รู้ตัว

ชั่วขณะนั้น เขาเพียงปรารถนาให้ตนเองเป็นฝ่ายได้รับบาดเจ็บแทน นั่นเพราะเขาไม่อาจทนมองนางได้รับบาดเจ็บได้

ตึง!

หลิงเย่ทรุดเข่าลงกับพื้นอย่างแรง เขาสูดลมหายใจอย่างเหนื่อยหอบ ความเจ็บปวดจากร่างกายทำให้สีหน้าของเขาชวนขนลุก เขาพยายามลุกขึ้นยืนหากแต่ร่างกายไม่ยอมเชื่อฟัง เป็นผลให้เขาทรุดลงบนพื้นอีกครั้งหนึ่ง

“เจ้าพอใจหรือยัง?” มู่หรูเยว่ลุกขึ้นยืน สีหน้าของนางราบเรียบไร้อารมณ์ขณะที่เดินเข้าหาหลิงเย่ “ในเมื่อเจ้าโจมตีข้าจนพอใจแล้ว คราวนี้เป็นตาข้าบ้าง?”

นางค่อยๆยกมือขึ้น โครม! เปลวเพลิงสีแดงปรากฏขึ้นจากฝ่ามือของนางพุ่งเข้าใส่หน้าอกของหลิงเย่อย่างแรง

ร่างของหลิงเย่กระเด็นออกไปกระแทกกับพื้น เขายกศีรษะขึ้นจ้องมองมู่หรูเยว่ด้วยสายตาอาฆาต “เป็นแผนการของเจ้าใช่หรือไม่? เจ้าจงใจให้ข้าใช้พลังปราณจนหมด?”

เมื่อผู้ฝึกวิทยายุทธ์ใช้พลังปราณจนหมดสิ้น พวกเขาก็ไม่ต่างกับลูกแกะรอให้เชือด

การฟื้นฟูพลังปราณนั้นมีด้วยกันสองวิธี วิธีแรกคือโคจรลมปราณ ส่วนอีกวิธีหนึ่งคือการกินยา น่าเสียดายที่ความสามารถในการปรุงยาของหลิงเย่นั้นไม่ยอดเยี่ยมเท่ามู่หรูเยว่ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถใช้วิธีที่สองได้ หากเขาต้องการฟื้นคืนพลังปราณอย่างน้อยๆก็ต้องใช้เวลาหนึ่งก้านธูป

ระยะเวลาแค่หนึ่งก้านธูปก็เพียงพอให้มู่หรูเยว่ทำเรื่องต่างๆได้มากมาย

“เจ้าไม่ใช่อยากฆ่าข้าหรอกหรือ? เจ้าไม่ใช่บอกว่าข้าไม่คู่ควรกับเตาวิหคเพลิงหรอกหรือ? เจ้าไม่ใช่บอกว่ายังมีผู้คนอีกมากมายที่คู่ควรครอบครองเตาวิหคเพลิงยิ่งกว่าข้าหรอกหรือ?” มุมปากของมู่หรูเยว่ขยับขึ้นเล็กน้อย รอยยิ้มของนางเต็มไปด้วยความเยียบเย็น “และข้าก็บอกไปแล้วว่า ลำพังความสามารถของเจ้ายังไม่อาจฆ่าข้าได้”

นางยกกระบี่ขึ้น ในชั่วขณะที่ปลายกระบี่กำลังจะแทงใส่หลิงเย่นั้น เสียงตะโกนที่เต็มไปด้วยความกราดเกรี้ยวก็ดันขึ้นด้านหลัง “หยุดมือ! นังเด็กหน้าเหม็น ผู้ใดอนุญาตให้เจ้าทำร้ายศิษย์ของข้า!”

ตูม!

พลังอันแข็งแกร่งพุ่งเข้าหามู่หรูเยว่อย่างรุนแรง มู่หรูเยว่รู้สึกลมหายใจของนางขาดห้วง ไม่สามารถขยับกายไปไหน ในชั่วขณะนั้นเอง แขนข้างหนึ่งยื่นออกมาจากด้านข้าง ดึงร่างของนางไปอยู่ในอ้อมกอด

“ก่อนหน้านี้ข้าเคารพการตัดสินใจของเจ้าโดยยอมให้เจ้าต่อสู้ด้วยตัวเอง นั่นเพราะเจ้ามั่นใจว่าสามารถรับมือกับเขาได้ แต่เจ้าในตอนนี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอาจารย์เขา ดังนั้น ครั้งนี้ให้ข้าจัดการเถอะ”

หัวใจของมู่หรูเยว่กระตุกเล็กน้อย หากนางไม่พูดอะไรออกมา นางรู้ขีดความสามารถของตัวเองดี เป็นดังที่เย่อู๋เฉินพูด เหตุผลที่เธอไม่ยอมให้เขายื่นมือเข้าช่วยในยามที่นางต่อสู้กับหลิงเย่นั่นเพราะนางมั่นใจว่าเขาไม่สามารถฆ่านางได้

แต่ผู้แข็งแกร่งที่ปรากฏตัวในตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ใครที่นางสามารถต้านทานได้ด้วยความสามารถในตอนนี้ นางย่อมไม่รนหาที่ตายด้วยกายพยายามต่อสู้กับเขาเป็นแน่

เหยียนจิ้นหดร่างของเขา นัยน์ตาสีดำเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง

เขาพลันรู้สึกว่าการมีอยู่ของตนนั้นไร้ความสำคัญอย่างสิ้นเชิง...

--------
ท่านผู้เฒ่าาา โถวว มาอยู่กับเก๊าก็ได้

ปล. โหลดเซฟเกมรอบที่ร้อย ตายซ้ำตายซ้อน ตายซ่อนเงื่อน ณ จุดนี้อยากมีทรูเหมือนนางเอกมาก ฮือออ
posted from Bloggeroid

Last Modified: Wednesday, January 11, 2017

หมอยาเจ้าเสน่ห์: จอมใจราชาปีศาจ บทที่ 114

**บทที่ 114 ใช้การไม่ได้**


เคร้ง!

มู่หรูเยว่ยกแขนขึ้ดป้องกันกระบี่ของเขา ก่อนที่จะยกเท้าเตะเข้าที่บริเวณหว่างขาของหลิงเย่อย่างแรง หลิงเย่ไม่คิดว่านางจะใช้วิธีสกปรกเช่นนี้มาก่อน จึงทำให้หลิงเย่ไม่สามารถป้องกันการโจมตีของนางได้ทันเวลา

เรี่ยวแรงที่นางใช้ในครั้งนี้ไม่เหมือนกับครั้งที่เตะเฟิ่งจิงเทียน ในครั้งนี้นางใช้พลังที่มีทั้งหมดในการโจมตี ผลที่เกิดก็คือเสียงแผดร้องอย่างเจ็บปวดที่ดังไปทั่วท้องถนน

เมื่อผู้อื่นได้เห็นเหตุการณ์เช่นนี้ ต่างก็พากับหุบขาเข้าหากันอย่างไม่รู้ตัว จ้องมองไปที่เด็กสาวหน้าตางดงามด้วยสายตาตื่นตะลึง พวกเขารู้สึถึงความเยียบเย็นเข้าเกาะกุมหัวใจของพวกตนในทันที

นี่ไม่โหดร้ายเกินไปหรือ?

ด้วยแรงเตะเมื่อครู่ เกรงว่าส่วนนั้นของชายหนุ่มคงใช้การไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ใครบ้างไม่รู้ว่าส่วนนั้นเป็นส่วนที่อ่อนแอที่สุดของผู้ชาย?

“เจ้าเด็กหน้าเหม็น!” หลิงเย่ร่างกายสั่นเทาไปทั้งร่าง เขาจ้องมองมู่หรูเยว่อย่างกราดเกรี้ยว เขาขบกรามแน่นพลางเอ่ย “ข้าจะฆ่าเจ้า! ไม่สิ! ข้าจะสับเจ้าเป็นชิ้นๆ!”


ไม่อย่างนั้น เขาจะดับเพลิงแค้นในจิตใจเขาได้หรือ?

หลิงเย่รับรู้ว่าด้วยแรงเตะของเด็กสาวผู้นี้ ส่วนนั้นของเขาคงไม่สามารถใช้การได้อีกต่อไป นั่นย่อมหมายความว่า เขาไม่สามารถมีทายาทสืบสกุลได้อีกแล้ว

“ข้าจะสับเจ้าเป็นหมื่นๆชิ้น ข้าจะสับเจ้าเป็นหมื่นๆชิ้นให้ได้! จงตายซะ!” นัยน์ตาของหลิงเย่กลายเป็นสีแดงก่ำ เขาตะโกนอย่างกราดเกรี้ยว

ในชั่วขณะนั้น ทั่วทั้งร่างของหลิงเย่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของพลังอันกราดเกรี้ยวแข็งแกร่ง เขารวบรวบพลังไว้ที่กระบี่ก่อนที่จะพุ่งเข้าหามู่หรูเยว่อย่างรวดเร็ว


กระบี่เล่มนั้นเปี่ยมไปด้วยพลังที่สะเทือนปฐพี มู่หรูเยว่ยกกระบี่ขึ้นขวางหน้าอกของนางเพื่อรับการโจมตีนั้นในทันที

พรูด!

มู่หรูเยว่กระอักเลือดออกมา นางรีบถอยกายมาด้านหลัง หยาดเลือดสายหนึ่งยังคงเปื้อนอยู่มุมปาก หากแต่นัยน์ตาของนางไร้ซึ่งความหวาดกลัว ยังคงจ้องมองหลิงเย่ที่กำลังบ้าคลั่งด้วยสายตาเฉยเมย

เย่อู๋เฉินเคลื่อนกายมาอยู่เบื้องหน้าของมู่หรูเยว่ สายตาของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด “เจ้าจำเป็นต้องทำเช่นนี้ด้วยหรือ? คนไร้ค่าแบบนี้ปล่อยเป็นหน้าที่ข้าก็พอ”

“หลีกไป!”

มู่หรูเยว่ผลักเย่อู๋เฉินไปด้านข้าง เมื่อประคองตัวได้ก็หยิบขวดยาออกมากระดกพรวดเข้าไปหมดในครั้งเดียว สีหน้าซีดเซียวในคราแรกค่อยกลับมาเป็นสีเลือดฝาด

“ข้าบอกแต่แรกแล้วว่านี่เป็นการประลองของข้า ข้าย่อมไม่มีทางรับคำท้าหากไม่มีโอกาสชนะ ท่านแค่ยืนดูอยู่ข้างๆก็พอ ข้าไม่ใช่คนที่ไม่รู้จักถนอมชีวิตตัวเอง ตรงกันข้าม ข้าเป็นคนที่เห็นคุณค่าของชีวิตยิ่งกว่าใคร”

เย่อู๋เฉินจับจ้องสีหน้าแน่วแน่ของเด็กสาว นัยน์ตาของเขานอกจากแสดงความเจ็บปวดแล้วยังแฝงไปด้วยความอ่อนโยน

นี่คือเด็กสาวที่ต้องตาเขา เด็กสาวที่เข้มแข็งและไม่อ่อนแอ เรียกได้ว่านางไม่เหมือนผู้หญิงเลยสักนิด หากนั่นคือเหตุผลที่ทำให้ผู้คนยิ่งรู้สึกชอบนางยิ่งขึ้น

มู่หรูเยว่ไม่ได้มองเย่อู๋เฉินต่อ นางเตรียมตั้งรับการโจมตีครั้งต่อไปของหลิงเย่

ผ่านไปครู่หนึ่ง เย่อู๋ฉินราวกับนึกได้ถึงบางสิ่ง นัยน์ตาของเขาฉายแววครุ่นคิด “นางจงใจยั่วโมโหชายผู้นั้น ให้เขาระเบิดพลังออกมาและทำให้พลังปราณของเขาหมดเร็วที่สุด เมื่อพลังปราณของเขาหมดลง ก็ไม่ต่างอะไรกับลูกแกะรอให้เชือด แต่วิธีนี้ออกจะ….”

ใช้ชีวิตเป็นเดิมพัน!

ถูกต้องแล้ว มู่หรูเยว่รู้ดีว่าระดับความแข็งแกร่งของนางและหลิงเย่นั้นแตกต่างกันเกินไป ดังนั้นนางจึงทำให้เขาสิ้นเปลืองพลังปราณให้มากที่สุด หลิงเย่ที่กำลังคลุ้มคลั่งย่อมไม่อาจตามทันแผนการของนาง

“นังเด็กหน้าเหม็น ตายซะ!”

หลิงเย่บ้าคลั่งเต็มขั้น นังเด็กหน้าเหม็นผู้นี้กล้าเตะส่วนสำคัญที่สุดในร่างกายเขา เขาต้องสับนางเป็นหมื่นๆชิ้น!

สายลมกราดเกรี้ยวของกระบี่ในมือหลิงเย่พุ่งเข้าโจมตีมู่หรูเยว่ราวกับพยัคฆ์คลั่ง มู่หรูเยว่ในขณะนี้รู้สึกราวกับอวัยวะภายในถูกทำร้ายอย่างป่าเถื่อน ด้วยเหตุนั้นนางจึงรีบนำยาออกมาและกลืนลงไปในทันที

-----

เยว่เยว่: ปั๊มยาแข่งกันป่าววว โด่ววว อ่อน #ผิด

หมอยาเจ้าเสน่ห์: จอมใจราชาปีศาจ บทที่ 113

**บทที่ 113 เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า**


เหยียนจิ้นเงยหน้ามองแผ่นหลังของมู่หรูเยว่ด้วยสายตาขุ่นเคือง หญิงสาวผู้นี้นอกจากทอดทิ้งเขาแล้ว ยังโยนเขาให้กับผู้ชายอื่นอีก นี่นางไม่รู้หรืออย่างไรว่าเขา เหยียนจิ้น ชมชอบสาวงาม มิใช่บุรุษเพศ?

อย่างไรก็ตาม…

เหยียนจิ้นจ้องมองเย่อู๋เฉินพลางขมวดคิ้วหากันเล็กน้อย เหตุใดเขาจึงรู้สึกถึงกลิ่นอายของกุ่ยหวังอู๋เฉิน จากร่างของชายผู้นี้?

จมูกของสัตว์อสูรนั้นไวต่อกลิ่นเป็นอย่างมาก แค่เพียงได้กลิ่นก็สามารถแยกแยะตัวตนอีกฝ่ายได้ทันที

เมื่อเป็นเช่นนี้เขาควรบอกสาวน้อยดีหรือไม่? แต่ชายหนุ่มผู้นี้เพิ่งเอ่ยเมื่อครู่ว่าสาเหตุที่ไม่อยากให้นางรู้นั้นก็เพื่อความปลอดภัยของตัวนางเอง ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจว่าจะเก็บเรื่องนี้ไว้ชั่วคราว

“หลิงเย่ เตาวิหคเพลิงอยู่ในมือข้า หากเจ้าสามารถก็มาเอาไป” ใบหน้าเย็นชาของมู่หรูเยว่เชิดขึ้น พลางจ้องมองหลิงเย่ด้วยสายตาดูแคลน

หลิงเย่เผยรอยยิ้มที่ชวนขนลุก นัยน์ตาของเขาเปล่งประกายเย็นชา “ในเมื่อเจ้าไม่รู้ผิดชอบชั่วดี อย่างนั้นอย่าหาว่าข้าเสียมารยาท! ข้าต้องนำเตาวิหคเพลิงมาให้ได้”

ตูม!

กลิ่นอายแกร่งกล้าพรั่งพรูออกมาจากร่างของหลิงเย่ พุ่งเข้าใส่มู่หรูเยว่อย่างรุนแรง ด้วยจิตสังหารของเขาแผ่ออกมาจากร่าง กระบี่ในมือของเขาวาดผ่านอากาศ ฝุ่นทรายบนพื้นก็ลอยคละคลุ้งอยู่ในอากาศด้วยแรงลมที่เกิดจากอานุภาพของกระบี่ในทันใด

เคร้ง!

เคร้ง เคร้ง เคร้ง!

ร้านค้าข้างทางต่างก็ล้มระเนระนาดเสียหายด้วยกระบี่ของเขา ผู้คนที่ยืนมองเหตุการณ์ต่อสู้อยู่นั้น ต่างก็ล้มเลิกความตั้งใจ ลนลานวิ่งหนีตายกันจ้าละหวั่น

แน่นอนว่ายังมีผู้คนบางส่วนไม่กลัวตาย ยังคงยืนจับจ้องเหตุการณ์อยู่ไม่ไกล

มู่หรูเยว่ยังคงมีสีหน้าราบเรียบ นางชักกระบี่ออกมาตั้งรับการโจมตีของหลิงเย่ ในชั่วขณะที่กระบี่ของนางและกระบี่วายุของหลิงเย่ประทะกันนั้น นางรู้สึกได้ถึงพลังแข็งแกร่งที่พุ่งเข้ากระแทกอวัยวะภายใน มุมปากของนางมีเลือดซึมออกมาเล็กน้อย

ระดับความแข็งแกร่งของหลิงเย่ กับนางนั้นยังห่างชั้นอีกไกล...

“เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า” หลิงเย่เงยศีรษะขึ้น เขาจ้องมองมู่หรูเยว่อย่างหยิ่งผยอง

“อย่างนั้นเองหรอกหรือ?” มู่หรูเยว่แค่นเสียงเย็นชา นางแบมือออก เผยให้เห็นขวดกระเบื้องจำนวนหนึ่งในฝ่ามือของนาง นางใช้นิ้วโป้งดันฝาขวดออก นำยาจากแต่ละขวดออกมาและกลืนลงไป

“ยาเสริมความแข็งแกร่ง ยาเสริมป้องกัน ยาเสริมความเร็ว ยาเสริมลมปราณ…”

สีหน้าของหลิงเย่เปลี่ยนกระทันหัน

เขาลืมคิดไปได้อย่างไรว่านางสามารถใช้ยาช่วยเสริมการต่อสู้ได้ ยาทั่วไปนั้นจำเป็นต้องรอสักระยะหนึ่งจึงจะออกฤทธิ์ แต่ยาของเด็กสาวผู้นี้สามารถออกฤทธิ์ได้ทันที

นั่นหมายความว่า ในชั่วขณะที่นางกลืนยาลงไป ฤทธิ์ของยาก็จะแสดงผลออกมาทันที

หลังจากที่ยาต่างๆถูกมู่หรูเยว่กลืนลงไป ทั่วทั้งร่างของนางพลันแข็งแกร่งและรวดเร็วดุจลูกธนูคมกริบดอกหนึ่ง นางพุ่งเข้าหาหลิงเย่ กระบี่ในมือนางเปล่งประกายสีแดงจางๆ ประกายแสงนั้นขยายขนาดขึ้นเรื่อยๆ แทบจะครอบคลุมร่างของนางไปทั่วทั้งร่าง

หลิงเย่รู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อย เขาไม่กล้าดูแคลนความสามารถของมู่หรูเยว่ในยามนี้ เขารีบยกกระบี่เพื่อต้านทานการโจมตีของนาง ในขณะที่กระบี่ทั้งสองประทะกัน คนทั้งสองต่างผละออกจากกันเล็กน้อย

ในยามนี้หลิงเย่รู้สึกเจ็บหนึบที่ปลายนิ้ว เขารับรู้ได้ถึงรสคาวปร่าอันหอมหวานที่พุ่งขึ้นมาในคอ แต่เขาก็กลืนมันกลับลงไป

ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เขาต้องไม่เผยจุดอ่อนให้คู่ต่อสู้เห็นอย่างเด็ดขาด

“ขนาดเจ้าใช้ยาแล้วยังมีความสามารถเพียงเท่านี้เองหรือ” หลินเย่แค่นเสียงเย็นชา พลางเอ่ย

มู่หรูเยว่ไม่เอ่ยอะไร ถึงแม้ว่านางจะกลืนยาลงไปแล้ว ความแข็งแกร่งของหลิงเย่ก็ยังเหนือกว่านาง เป็นผลให้อวัยวะภายในของนางได้รับบาดเจ็บ….

ถึงอย่างไรก็ตาม….

นัยน์ตาของนางหรี่ลงเล็กน้อย นางพุ่งกายเข้าหาหลิงเย่อีกครั้งอย่างรวดเร็ว กระบี่ของนางวาดจากด้านข้างราวกับประกายแสงสีแดง

หลิงเย่เคลื่อนกายหลบก่อนจะเสือกกระบี่ไปด้านหน้า พุ่งเข้าหามู่หรูเยว่ดุจมังกรทะยาน

Last Modified: Monday, January 9, 2017

หมอยาเจ้าเสน่ห์: จอมใจราชาปีศาจ บทที่ 112

บทที่ 112 ข้าไม่ชอบให้ใครมาปกป้อง


นับตั้งแต่ออกเดินทางจากเฟิ่งเฉิง เย่อู๋เฉินไม่ได้วางแผนว่าจะใช้ฐานะนี้ปรากฏตัวต่อหน้านาง เขาเพียงแต่ตั้งใจจะปกป้องนางอยู่ในเงามืด

แต่หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในตอนนี้เขารู้แล้วว่ามีเพียงการอยู่เคียงข้างนางเท่านั้นจึงจะสามารถตอบโต้ได้ทันการณ์ ไม่เช่นนั้นแล้วหากอยู่มาวันหนึ่งนางหายตัวไปต่อหน้าต่อตาเขาและไม่กลับมาอีก เขาจะโทษตัวเองและเศร้าโศกเสียใจถึงเพียงไหน?

ดังนั้น เขาจึงไม่อยากหลบซ่อนอยู่ในเงาอีกต่อไป...

มู่หรูเยว่รู้สึกหัวใจกระตุก นางเงยหน้ามองชายหนุ่มหน้ากากสีเงิน “ท่านเป็นใครกันแน่?”

ชายหนุ่มคลี่ยิ้มเปี่ยมเสน่ห์ นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยน “ข้าเป็นใครนั้นอีกไม่นานเจ้าจะรู้เอง เพื่อความปลอดภัยของเจ้าในตอนนี้ ข้ายังไม่อาจบอกเจ้าได้ชั่วคราว”

ดูเหมือนว่าเขาจำเป็นต้องสะสางเรื่องราวส่วนตัวให้เร็วที่สุด เพื่อที่เขาจะได้อยู่กับนางอย่างเปิดเผย...

ทันใดนั้น นัยน์ตาของเย่อู๋เฉินดูเคร่งเครียดขึ้น เขาอุ้มมู่หรูเยว่และเคลื่อนกายไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้น เสียงเคร้ง! ดังขึ้น ประกายดาบพาดผ่านเบื้องหน้าพวกเขา เกิดเป็นรอยแตกขนาดใหญ่บนพื้นดิน

ชายหนุ่มชุดดำปรากฏตัวอยู่เบื้องหน้าพวกเขา มู่หรูเยว่หรี่ตาลงเล็กน้อยเมื่อเห็นคนผู้นั้น นางจับจ้องเขาด้วยสายตาเย็นชา “หลิงเย่ เจ้ายังอยู่ที่นี่!”

คนผู้นี้ย่อมเป็น หลิงเย่ ผู้ที่พ่ายแพ้ให้กับมู่หรูเยว่ในงานชุมนุมโอสถ

หลิงเย่แค่นเสียงออกมา มุมปากของเขาโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มเยียบเย็น “แม่นางมู่ ความจริงแล้ว ในชีวิตนี้มีเพียงไม่กี่คนที่ข้า หลิงเย่ เลื่อมใส เจ้าเองก็เป็นหนึ่งในนั้น ดังนั้นหากเจ้ายอมมอบเตาวิหคเพลิงให้ข้า ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า ไม่อย่างนั้นต่อให้ข้าเลื่อมใสเจ้าแค่ไหนก็ได้แต่ฆ่าเจ้าเพื่อชิงเตาวิหคเพลิงมา”

มู่หรูเยว่คลี่ยิ้มเย็นชา ใบหน้างดงามของนางดูไม่มีความอบอุ่นเลยแม้แต่น้อย

“หากเจ้ามีความสามารถก็มาเอาไป ในเมื่อเจ้าแพ้การปรุงยาให้แก่ข้า แสดงว่าความสามารถของเจ้าไม่ได้แข็งแกร่งเท่าไหร่ นั่นยังไม่เพียงพอให้ข้ากลัวเจ้าหรอกนะ”

หลิงเย่หรี่ตาลงเล็กน้อย เขาเอ่ยด้วยรอยยิ้มเยียบเย็น “แม่นางมู่ ความถนัดของข้าไม่ใช่การปรุงยา ดังนั้นการปรุงยาของข้าจึงไมเก่งกาจเท่าแม่นางมู่ แต่วิทยายุทธของข้าสูงกว่าการปรุงยามากนัก หากเจ้ามอบเตาวิหคเพลิงให้ข้า ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า ยิ่งไปกว่านั้นยังมีผู้คนอีกมากมายต้องการครอบครองเตาวิหคเพลิงนี้ แม่นาง ความสามารถของเจ้าในตอนนี้ยังไม่พอ ดังนั้นเจ้าคงไม่อาจครอบครองมันได้ชั่วชีวิต”

เตาวิหคเพลิงเป็นสมบัติล้ำค่าของสมาคมโอสถ ในปีนั้นอาจารย์ของเขาต้องการขโมยเตาวิหคเพลิงจึงโดนขับไล่ออกจากสมาคม เวลานี้เตาวิหคเพลิงตกอยู่ในมือของเด็กสาวคนหนึ่ง หากอาจารย์ของเขารู้เรื่องนี้เข้าจะทนได้อย่างไร? ยิ่งไปกว่านั้น หากเขามอบเตาวิหคเพลิงนี้ให้อาจารย์ ระดับการปรุงยาของอาจารย์ต้องเพิ่มพูนขึ้นอย่างรวดเร็ว

“ปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้า” เย่อู๋เฉินกุมมือของนาง พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“ไม่จำเป็น” มู่หรูเยว่สั่นศีรษะ นางเลื่อนสายตาไปมองหลิงเย่ “เขาท้าทายข้า ดังนั้นข้าต้องประลองกับเขา อีกอย่าง ข้าไม่ชอบให้ใครมาปกป้อง”

เย่อู๋เฉินจ้องมองใบหน้าของมู่หรูเยว่ เขากลั้วหัวเราะออกมา “ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าเป็นผู้หญิงประเภทที่ไม่ชอบให้ใครมาปกป้อง ข้าเคารพในการตัดสินใจของเจ้า แต่หากเจ้าได้รับอันตราย ข้าไม่มีทางอยู่เฉยเป็นแน่”

ไม่ใช่เพราะนิสัยที่แตกต่างจากผู้หญิงทั่วไปของนางหรอกหรือ ที่ทำให้เขาประทับใจถึงเพียงนี้?

เมื่อมู่หรูเยว่ผละจากอ้อมกอดของเย่อู๋เฉิน นางโยนเหยียนจิ้นซึ่งเกาะอยู่บนตัวนางไปไว้ในอ้อมกอดของเย่อู๋เฉิน แต่เขากลับขว้างเหยียนจิ้นไปที่พื้นอย่างไม่ลังเล

เขายังไม่ลืมว่าเจ้าสัตว์อสูรตัวนี้ชอบเกาะติดอยู่กับผู้หญิงของเขา ดังนั้นเย่อู๋เฉินจึงไม่มีความรู้สึกดีๆต่อเหยียนจิ้นเลยแม้แต่น้อย ยิ่งไปกว่านั้นแล้วเขาไม่ชอบให้คนหรือสัตว์อสูรที่ไหนก็ตามเข้ามาใกล้เขา ยกเว้นก็แต่มู่หรูเยว่

------
โถว ท่านผู้เฒ่า ถถถถ ทำไมซวยตลอด

ปล. ช่วงนี้อาจจะลงเว้นๆบ้างนะคะ คนแปลติดเกม tale of wuxia ส่วนคนพรูฟติด red alert (ขุดมาจากไหนฟะ) ฮีเลยไม่ค่อยอยากเช็คทีละตอน

posted from Bloggeroid

หมอยาเจ้าเสน่ห์: จอมใจราชาปีศาจ บทที่ 111

บทที่ 111 ข้าไม่อยากหลบซ่อนอยู่ในเงาอีกต่อไป


เย่อู๋เฉินร้องออกมาเบาๆ หากแต่ยังไม่ยอมปล่อยนาง นัยน์ตาของเขาแฝงไปด้วยความสุข “เจ้าทุบข้าจนพอใจหรือยัง? หากยังไม่พอข้าจะให้เจ้าทุบข้าต่อก็ได้ แต่ข้าไม่มีทางปล่อยเจ้าไป”

นัยน์ตาของมู่หรูเยว่เยียบเย็นยิ่งขึ้น นางจับจ้องเย่อู๋เฉินอย่างเย็นชา

เพียงแต่นัยน์ตาของอีกฝ่าย กลับให้ความรู้สึกคุ้นเคย…

เมื่อคิดเช่นนี้ นางก็เอื้อมไปแตะหน้ากากสีเงินบนใบหน้าของชายหนุ่ม ทันทีที่กำลังจะถอดออกมา มือข้างหนึ่งของเขาก็จับข้อมือนางไว้แน่น

ชายหนุ่มยังคงมีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้า นัยน์ตาของเขาเปล่งประกายเจ้าเล่ห์วูบหนึ่ง เขาเอียงศีรษะไปอยู่ข้างใบหูของมู่หรูเยว่ เอ่ยกระซิบด้วยเสียงยั่วเย้า “เจ้าอยากเห็นใบหน้าของข้าหรือ? ใบหน้าของข้าใช่ว่าจะดูกันได้ง่ายๆ เจ้าเองก็ไม่สามารถ แต่หากมีข้อแลกเปลี่ยนสักเล็กน้อย เช่นเจ้าแต่งงานกับข้า ข้าจะให้เจ้าดูก็ได้ ดีหรือไม่?”

“ขอโทษด้วย ข้าไม่สนใจคนอย่างท่าน” มู่หรูเยว่ถอนมือออกมา นางจับจ้องชายหนุ่มอย่างเย็นชา “โดยเฉพาะผู้ชายแปลกหน้า ข้ายิ่งไม่สนใจ”

รอยยิ้มของชายหนุ่มยังคงเดิม มือของเขาโอบเอวของนางแน่นขึ้น “นี่เป็นการพบกันครั้งที่สองของพวกเรา ในใจเจ้ายังเห็นข้าเป็นคนแปลกหน้าอยู่อีกหรือ? ไม่เป็นไรหรอก อีกไม่นานพวกเราก็สนิทสนมกันแล้ว”

ด้วยฐานะของเขาในตอนนี้ นี่นับเป็นครั้งที่สองที่พบกับนาง แต่หากด้วยฐานะของกุ่ยหวังแล้วล่ะก็ พวกเขาสนิทชิดเชื้อกันถึงขนาดเห็นเรือนร่างเปล่าเปลือยตั้งแต่หัวจรดเท้า เหลือเพียงขั้นตอนสุดท้ายเท่านั้น

เขาไม่รีบร้อนจะไปถึงขั้นนั้น ในเมื่ออีกไม่ช้าก็เร็วหญิงสาวต้องแต่งงานกับเขาอยู่ดี...

มู่หรูเยว่หรี่ตา “ท่านเป็นใครกันแน่? พวกเราเคยพบกันมาก่อนหรือไม่?”

เมื่อเอ่ยเช่นนั้น นางยิ่งรู้สึกว่ามือที่โอบกอดร่างของนางอยู่นั้นยิ่งรัดแน่นขึ้น หลังจากนั้นชายหนุ่มหน้ากากสีเงินก็เผยรอยยิ้มเปี่ยมเสน่ห์ออกมา “พวกเราเพิ่งพบกันครั้งแรกในงานชุมนุมโอสถไม่ใช่หรือ?”
“ท่านก็รู้ว่าข้าไม่ได้หมายถึงครั้งนั้น” มู่หรูเยว่เหลือบตามองเขา “หากนั่นเป็นครั้งแรกที่พบกัน เหตุใดท่านต้องช่วยข้าด้วย? ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่ป๋ายเจ๋อเอ่ยเมื่อครู่ยิ่งทำให้ข้าสงสัย แท้จริงแล้วท่านเป็นใครกันแน่?”

ความจริงแล้วไม่เพียงมู่หรูเยว่เท่านั้น เย่อู๋เฉินเองก็ไม่เข้าใจว่าชายผมขาวผู้นั้นกำลังถึงพูดเรื่องอะไร แต่สิ่งหนึ่งที่เขาแน่ใจก็คือมีใครบางคนต้องการทำลายความสัมพันธ์และทำร้ายพวกเขา

ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาย่อมไม่มีทางยอมให้เหตุการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้นเป็นแน่!

สีหน้าของเย่อู๋เฉินค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้น นัยน์ตาของเขาแผ่กลิ่นอายชั่วร้ายออกมา เขาในยามนี้ดูราวกับเทพอสูรที่ผุดขึ้นมาจากห้วงนรก กลิ่นอายของเขาสร้างความหวาดกลัวให้ผู้คน

เมื่อมู่หรูเยว่เห็นเย่อู๋เฉินในยามนี้ นางขมวดคิ้วหากันเล็กน้อย ความรู้สึกคุ้นเคยนั้นคงเป็นแค่ความเข้าใจผิด นางไม่เคยพบเจอกลิ่ยอายชั่วร้ายเช่นนี้มาก่อน

ดังนั้น ชายหนุ่มผู้นี้ย่อมไม่ใช่คนที่นางเคยรู้จักแน่นอน...

ชั่วครู่หนึ่งกลิ่นอายชั่วร้ายนั้นจึงค่อยบรรเทาลง เย่อู๋เฉินเหลือบสายตาลงมองเด็กสาวในอ้อมกอด เขากอดนางแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว “ไม่ว่าคำพูดของคนผู้นั้นหมายความถึงอะไร ข้าย่อมไม่ยอมให้ผู้ใดทำร้ายเจ้าโดยเด็ดขาด! ข้าจะปกป้องเจ้าจากอันตรายทั้งปวงไปตราบชั่วชีวิต”

มู่หรูเยว่ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยพลางคลี่ยิ้มอย่างเย็นชา “คิดทำร้ายข้า ต้องดูก่อนว่านางมีความสามารถเพียงพอหรือไม่ ยิ่งไปกว่านั้นท่านจะกอดข้าไปอีกนานแค่ไหน! ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!”

ครั้งนี้ชายหนุ่มไม่ได้เอ่ยวาจาใดออกมา หากอ้อมแขนที่กอดร่างของนางอยู่นั้นไม่ได้คลายลงแม้แต่น้อย เขาเลื่อนสายลงลงมองใบหน้างดงามของเด็กสาว พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ข้าไม่อยากหลบซ่อนอยู่ในเงาอีกต่อไป”
posted from Bloggeroid

Last Modified: Friday, January 6, 2017

หมอยาเจ้าเสน่ห์: จอมใจราชาปีศาจ บทที่ 110

บทที่ 110 สหายเก่ามาเยือน ตอนที่6


“ไม่เป็นไรหากเจ้าจำข้าไม่ได้ในตอนนี้ วันหนึ่งเจ้าจะนึกออกเอง ข้ามีนามว่า ป๋ายเจ๋อ” ป๋ายเจ๋อเหลือบตามองมู่หรูเยว่ด้วยนัยน์ตาเศร้าสร้อย

นางยังคงจำไม่ได้...

จริงสินะ นางในตอนนี้นางจะจำเขาได้อย่างไร?

“ป๋ายเจ๋อ?” มู่หรูเยว่หัวใจสั่นไหว ชื่อนี้ช่างให้ความคุ้นเคยกับนางเหลือเกิน แต่นางยังไม่รู้ว่าเหตุใดจึงรู้สึกเช่นนั้น

ทันใดนั้นเอง ห้วงมิติถูกแทรกเข้ามา ในยามที่มู่หรูเยว่พยายามใช้สายตาจับสังเกต เงาร่างสีเงินก็ปรากฏสู่สายตา

ในยามที่เย่อู่เฉินได้เห็นมู่หรูเยว่เขาก็ถอนใจออกมา จากนั้นนัยน์ตาของเขาก็จับจ้องไปยังชายหนุ่มผมขาว นัยน์ตาสีเข้มดุจรัตติกาลของเขาฉายแววเย็นเยียบ พลางเอ่ย “เจ้าเป็นใคร? เหตุใดต้องพานางมาที่นี่ด้วย?”

ป๋ายเจ๋อจ้องมองนัยน์ตาเยียบเย็นภายใต้หน้ากากสีเงินอย่างตกตะลึง เขาคลี่ยิ้มฝืดเฝื่อน พลางเอ่ยเสียงเศร้า “ที่แท้พวกเจ้า... ยังคงอยู่ด้วยกัน”

มู่หรูเยว่ขมวดคิ้วหากันเล็กน้อย นางไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าป๋ายเจ๋อกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่

ประกายเย็นเยียบผุดวาบในดวงตาของเย่อู๋เฉิน เขาเคลื่อนกายอย่างรวดเร็วมาอยู่เบื้องหน้าของมู่หรูเยว่ ภายใต้หน้ากากสีเงินนั้น ใบหน้าหล่อเหลาเผยรอยยิ้มชั่วร้ายและเย็นชา

“ข้าไม่สนว่าเจ้าเป็นใคร แต่อย่าคิดจะทำร้ายนางแม้เพียงเส้นผม!”

น้ำเสียงของเขาทรงอำนาจ เขาไม่สนใจแม้แต่น้อยว่าชายหนุ่มผู้มีบุคลิกโดดเด่นตรงหน้าเป็นใคร

ป๋ายเจ๋อเหลือบมองอีกฝ่ายก่อนจะเลื่อนสายตาไปยังเด็กสาวที่ถูกปกป้องอยู่เบื้องหลัง นัยน์ตาของเขาฉายแววเศร้าสร้อย “ดูเหมือนว่าในชาตินี้เจ้าก็ยังคงอยู่กับเขา อย่างนี้ก็ดีแล้ว เขาสามารถปกป้องเจ้าได้ ในยามนี้ข้าไม่สามารถออกไปจากที่นี่ได้ ดังนั้นข้าไม่อาจช่วยเหลืออะไรเจ้าได้ แต่ต้องมีสักวันหนึ่งที่พวกเราจะได้พบกัน แต่เจ้าต้องระวังคนผู้หนึ่งเอาไว้ ความอิจฉาริษยาของคนผู้นั้นแรงกล้านัก นางย่อมไม่มีวันยอมให้พวกเจ้าทั้งสองได้อยู่ด้วยกัน”

เมื่อคำพูดจบลง ร่างของป๋ายเจ๋อก็ค่อยๆเลือนหายไปต่อหน้าพวกเขา ห้วงมิติราวกับถูกแยกเป็นสองส่วน พวกเขาไม่ทันได้ระวังตัวก็ร่วงลงมา....

เย่อู๋เฉินเคลื่อนกายอย่างว่องไวมาอยู่หน้ามู่หรูเยว่ ประคองร่างของนางเอาไว้อย่างมั่นคง ก่อนที่คนทั้งสองจะร่วงลงสู่พื้น

เมื่อพวกเขากลับมายังถนน ผู้คนที่เห็นมู่หรูเยว่และเย่อู๋เฉินต่างก็ตกตกลึงที่เห็นพวกเขาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งโดยที่พวกเขาร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

เมื่อมู่หรูเยว่เหลือบตาขึ้นมองนัยน์ตาที่แฝงไปด้วยความกังวล หัวใจของนางก็สั่นสะท้านคราหนึ่ง นางขมวดคิ้ว เอ่ยถามด้วยเสียงเย็นชา “ท่านเป็นใคร?”

“ข้า...” นัยน์ตาของเย่อู๋เฉินเปล่งประกายวูบหนึ่ง ทันใดนั้น เขากลั้วหัวเราะออกมา รอยยิ้มของเขาภายใต้น่ากากสีเงินช่างดูสะกดสายตา มุมปากของเขาโค้งขึ้นเล็กน้อย “ข้า... ข้าเป็นคนที่ตกหลุมรักเจ้า”

มู่หรูเยว่ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ก่อนจะจ้องมองอีกฝ่ายอย่างเย็นชา นางเพิ่งรู้ตัวว่าชายผู้นี้ยังกอดร่างของนางอยู่ นางขมวดคิ้วอีกครั้ง “ปล่อยข้า!”

ชายหนุ่มคลี่ยิ้มมุมปาก รอยยิ้มของเขาราวกับรอยยิ้มยั่วเย้าของปีศาจ รูปโฉมของเขาดูหล่อเหลาสะกดตาเป็นอย่างมาก ในขณะเดียวกันก็ให้กลิ่นอายแห่งความอันตราย

“ไม่ปล่อย”

“เจ้าไม่ยอมปล่อยข้าจริงหรือ?” มู่หรูเยว่เลิกคิ้ว น้ำเสียงของนางแฝงด้วยความเย็นชาอีกหลายส่วน “ข้าให้โอกาสท่านอีกครั้งหนึ่ง ท่านจะปล่อยข้าหรือไม่!”

“ไม่ว่าเจ้าจะทำอะไร ข้าก็ไม่มีวันปล่อยเจ้าไป”

เย่อู๋เฉินกระชับร่างของเด็กสาวในอ้อมกอด มุมปากของเขายังคงประดับด้วยรอยยิ้ม ชาตินี้ชั้งชาติ เขาไม่มีทางปล่อยนางไป...

มู่หรูเยว่หรี่ตา ฉับพลันนางก็หัวเราะออกมารอยยิ้มนั้นแฝงไปด้วยกลิ่นอายของความอันตราย หลังจากนั้นนางก็ต่อยเข้าที่หน้าอกเย่อู๋เฉินอย่างรุนแรง
posted from Bloggeroid

Last Modified: Thursday, January 5, 2017

หมอยาเจ้าเสน่ห์: จอมใจราชาปีศาจ บทที่ 109

บทที่ 109 สหายเก่ามาเยือน ตอนที่5


แสงอาทิตย์สาดประกายร้อนแรง

ภายใต้แสงแดดที่แผดเผาลงมา เด็กสาวเดินทอดน่องไปตามท้องถนน อยู่ๆหางคิ้วของนางเลิกขึ้นเล็กน้อย ไม่รู้ว่าขณะนั้นนางกำลังคิดอะไรอยู่ มือของนางขยุ้มร่างนุ่มนิ่มของเหยียนจิ้นอย่างรุนแรงโดยไม่สนใจสายตาอันขุ่นเคืองของอีกฝ่าย

มู่หรูเยว่ในเวลานี้กลายเป็นที่รู้จักของคนทั้งเมือง ผู้คนที่เข้าร่วมงานชุมนุมโอสถมีใครบ้างไม่รู้จักนาง? ดังนั้นเพียงแค่นางปรากฏตัวก็ดึงดูดความสนใจจากผู้คนเป็นจำนวนมาก

แต่ในขณะนั้นเอง จู่ๆเด็กสาวก็หายตัวไปตอนกลางวันแสกๆ

ถูกต้อง... จู่ๆนางก็หายตัวไปท่ามกลางสายตาที่จับจ้องของผู้คน

เงาร่างสีเงินเคลื่อนกายมายังตำแหน่งที่นางหายตัวไปในทันที นัยน์ตาที่อยู่ภายใต้หน้ากากสีเงินฉายแวววิตกกังวล

“มู่เอ๋อร์”

นัยน์ตาของเย่อู๋เฉินเผยร่องรอยของความหวาดกลัว เขาเพิ่งเห็นนางก่อนที่นางจะหายตัวไปต่อหน้าต่อตาเขา ความกลัวของเขาไม่อาจลดน้อยลงได้เลย นั่นเพราะเขากังวลว่านางจะหายตัวไปตลอดกาล

หากว่านางไม่กลับมาอีกเลย...

ไม่! เขาไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้น!

ไม่ว่าใครก็ไม่อาจแย่งชิงนางไปต่อหน้าต่อตาเขา ไม่อย่างนั้น เขาคงไม่อาจยกโทษให้ตัวเองไปชั่วชีวิต!

“มู่เอ๋อร์ ข้าไม่ยอมให้ใครแย่งเจ้าไป ไม่มีวัน!” เย่อู๋เฉินเอ่ยเพื่อลดทอนความว้าวุ่นในใจ ใบหน้าหล่อเหลาภายใต้หน้ากากนั้นเผยรอยยิ้มชั่วร้าย

หากลูกน้องของเขาได้เห็นสีหน้าของเขาในยามนี้ พวกเขาต้องรู้แน่นอนว่านายท่านของตนในยามนี้กำลังโกรธจัด

“ดูจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มู่เอ๋อร์น่าจะถูกดึงตัวไปในห้วงมิติอื่น ไม่ว่าคนผู้นั้นจะเป็นใคร ข้าย่อมไม่ปล่อยให้นางถูกแย่งชิงไปเด็ดขาด โดยเฉพาะตอนที่นางอยู่ต่อหน้าต่อตาเรา”

ในขณะนั้นเอง ภายในอีกห้วงมิติหนึ่ง

มู่หรูเยว่เอนกายอยู่บนพื้น คลื่นความเจ็บปวดแล่นริ้วอยู่ในหัวของนาง นางค่อยๆลืมตาขึ้นและกวาดตามองไปรอบๆอย่างสงสัย ทันใดนั้นเงาร่างหนึ่งก็ปรากฏสู่สายตาของนาง

ชายหนุ่มสวมอาภรณ์สีขาวโพลนราวกับหิมะ เรือนผมสีขาวของเขาพลิ้วไหวไปตามลม ในยามที่เขาลดสายตาลงจ้องมองมู่หรูเยว่ รูปโฉมของเขาดูหล่อเหลาราวกับเทพเซียนที่ยากแท้หยั่งถึง

“สุดท้ายแล้วเจ้ายังกลับมาอีก” ชายหนุ่มถอนใจออกมา นัยน์ตาสีดำแฝงไปด้วยความเศร้าหมอง “เสียดายที่ข้าไม่อาจมาหาเจ้าด้วยตัวเอง เพียงแค่นำเจ้ามาอยู่ ณ ที่แห่งนี้”

มู่หรูเยว่เลิกสายตาจ้องมองชายหนุ่ม ไม่รู้ว่าด้วยเหตุใด เส้นผมสีขาวของชายหนุ่มราวกับข้องเกี่ยวกับนาง นางรู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก ราวกับว่าพวกเราเคยรู้จักกันมาก่อน

ถึงอย่างนั้น นางเองก็ไม่มั่นใจว่านางเคยพบชายหนุ่มผู้นี้ที่ไหนมาก่อน ยิ่งไปกว่านั้นชายหนุ่มผู้นี้ดูมีพลังแข็งแกร่ง แข็งแกร่งยิ่งกว่าคนอื่นๆที่นางเคยพบเจอมาก่อน

“ความจริง ข้ารู้สึกถึงตัวตนของเจ้าตั้งแต่วันแรกที่เจ้ากลับมาจากอีกโลกหนึ่ง เมื่อไม่นานนี้ข้าเพิ่งมั่นใจว่าเป็นเจ้าจริงๆ” ชายหนุ่มลดสายตาลงจ้องมองมู่หรูเยว่ มุมปากของเขาเผยรอยยิ้มเล็กน้อย

รอยยิ้มของเขาช่างโดดเด่น ราวกับไม่เคยแปดเปื้อนสิ่งใดๆ

“ท่านเป็นใคร?” นัยน์ตาของมู่หรูเยว่เข้มขึ้นเล็กน้อย ชายผู้นี้รู้ว่านางมาจากอีกโลกหนึ่ง? ทันใดนั้น นางรู้สึกได้ว่าเหยียนจิ้นในอ้อมกอดของนางมีอาการสั่นเทา เขาเกาะแขนของนางแน่นขึ้น

“เหยียนจิ้น?”

“สาวน้อย วางใจเถอะ ข้าสบายดี เพียงแต่กลิ่นอายของชายผู้นี้ทำให้ข้ารู้สึกกังวลขึ้นมา” เหยียนจิ้นไม่รู้ว่าด้วยเหตุใดเขาจึงรู้สึกกลัวชายผู้นี้

มู่หรูเยว่เลื่อนสายตาขึ้นมองชายหนุ่ม ราวกับรอคอยคำตอบจากเขา

ชายหนุ่มก้าวเดินมาข้างหน้า มุมปากของเขาเผยรอยยิ้มบาง รอยยิ้มนั้นเบาบางเสียจนแทบมองไม่เห็น นัยน์ตาสีดำของเขาฉายแววเศร้าสร้อย ดูอ้างว้างอย่างมาก

-----
โดราเอมอนวันนี้เสนอตอน... กระเป๋าสี่มิติ~~ #ผิด กำลังจะแว๊นไปสอบ #อ่านชีทจนเพี้ยน

posted from Bloggeroid

Last Modified: Wednesday, January 4, 2017

หมอยาเจ้าเสน่ห์: จอมใจราชาปีศาจ บทที่ 108

บทที่ 108 สหายเก่ามาเยือน ตอนที่4


หัวหน้าสมาคมกลั้วหัวเราะ เขาลูบหนวดของตนพลางจ้องมองตาเฒ่าอู๋หวี "เลิกพูดเรื่องนี้กันเถอะ ตาเฒ่าอู๋หวี ตอนที่ท่านพ่ายแพ้ให้แก่ข้าเมื่อปีนั้น ข้ารู้ว่าท่านคงรู้สึกมาตลอดว่าข้าได้รับชัยชนะมาอย่างไม่สมศักดิ์ศรี ท่านจึงไม่ยอมประลองกับข้าอีกครั้ง ด้วยเหตุนี้ข้าจึงวางแผนให้ศิษย์ของพวกเราแข่งขันกันแทน มาวันนี้ข้าได้แต่ถอนใจ... ลูกศิษย์ของท่านมีพรสวรรค์เหนือกว่าหลานชายของข้าจริงๆ"

ครั้งนี้หัวหน้าสมาคมพ่ายแพ้ด้วยความเต็มใจ สาวน้อยผู้นั้นได้รับการยอมรับและกลายเป็นเจ้าของเตาวิหคเพลิง เขายังสามารถเอ่ยอะไรได้อีกหรือ?

"แน่นอนอยู่แล้ว" อู๋หวีลูบเคราสีขาวของตน "ลูกศิษย์ของข้าย่อมโดดเด่นแน่นอนอยู่แล้ว ทำไม? ตาเฒ่า เจ้าคิดวางแผนจะแย่งลูกศิษย์ของข้าหรือ? ข้าจะบอกให้เจ้ารู้ว่า ลูกศิษย์ของข้ามีคู่หมั้นอยู่แล้ว และเขาก็ดีต่อนางมาก พวกเขากำลังจะแต่งงานกันในอีกไม่กี่เดือน ต่อให้ข้าอยากให้ลูกศิษย์ของข้าได้สามีที่โดดเด่นกว่านี้ แต่ในเมื่อนางชอบเขา ข้าในฐานะที่เป็นอาจารย์ของนางก็ควรจะร่วมยินดีไปด้วย"

เมื่อได้ยินเช่นนั้น หัวหน้าสมาคมยิ่งรู้สึกชะงักงัน "ที่แท้นางก็มีคู่หมั้นอยู่แล้ว ดูเหมือนว่าหลานชายของข้าคงไม่มีโอกาส จริงสิ ถึงแม้ว่าลูกศิษย์ของท่านจะอยู่ในระดับปฐพีขั้นกลาง แต่ความรู้ของนางเหนือกว่าพวกเราเสียอีก ข้าสงสัยจริงๆเลยว่าผู้เฒ่าอย่างท่านเป็นอาจารย์ของนางจริงๆ"


สีหน้าของอู๋หวีเปลี่ยนเป็นสีแดง เขาเองก็รู้สึกแปลกใจ ในเมื่อเขาเองก็ไม่ได้สอนเรื่องพวกนั้นให้แก่นาง เหตุใดนางจึงสามารถเข้าใจอย่างแตกฉานถึงเพียงนี้? ลูกศิษย์ของเขาฉลาดเฉลียวอย่างมาก เพียงแค่การชี้แนะเพียงเล็กน้อยก็สามารถเข้าใจอย่างถ่องแท้ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้สอนวิธีปรุงยาให้แก่นาง เพียงแค่แนะวิธีการฝึกวิทยายุทธ์ให้แทน

"ตาเฒ่า ท่านหมายความว่าอย่างไร? หากข้าไม่ใช่อาจารย์ของนาง แล้วท่านใช่หรือ?"

"เอาเถอะ เอาเถอะ! ข้าไม่ต่อล้อต่อเถียงกับท่านแล้ว ในเมื่อหลานชายข้าคงไม่มีโอกาสแล้ว ข้าอยากจะเชิญนางเข้าร่วมเป็นผู้อาวุโสของสมาคมโอสถ นางไม่ต้องอยู่ภายใต้พันธะผูกมัดใดๆ แต่นางยังสามารถใช้อำนาจของผู้อาวุโสสมาคมโอสถได้ตามใจชอบ"

อู๋หวีเมื่อได้ยินก็นิ่งเงียบ หากนางเข้าร่วมสมาคม ผลประโยชน์ที่จะได้รับย่อมมากมี อย่างน้อยๆก็ไม่ต้องกังวลเรื่องขาดแคลนสมุนไพรอีกต่อไป

"ข้าจะกลับไปปรึกษาเรื่องนี้กับนางดู พวกท่านก็รู้ว่าลูกศิษย์ของข้าชอบทำอะไรตามใจตัวเอง ในฐานะอาจารย์เองก็ไม่ได้เข้มงวดกับนางมากนัก นางมีความคิดของนาง ไม่ว่านางจะตัดสินใจเช่นไร ข้าก็จะสนับสนุนนาง"

แต่ในเมื่อตาเฒ่าอู๋หวีไม่ได้ต่อต้าน เรื่องนี้สมควรจะสำเร็จ

หัวหน้าสมาคมคลี่ยิ้มอย่างพึงใจ "ถ้าอย่างนั้นข้าจะรอฟังข่าวดี จริงสิ ท่านควรทราบว่าเตาวิหคเพลิงของสมาคมโอสถเราบัดนี้ทำพันธสัญญากับศิษย์รักของท่านเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นการที่นางมาเป็นผู้อาวุโสของสมาคมโอสถย่อมสมเหตุสมผล"

อู๋หวีจ้องมองอีกฝ่าย "ข้าเองก็ได้ยินเรื่องนี้ก่อนมาที่นี่ เหตุใดข้าจึงรู้สึกว่าท่านใช้แผนการหลอกล่อลูกศิษย์ของข้า? ใช้เตาวิหคเพลิงเพื่อผูกมัดนางงั้นหรือ? หากลูกศิษย์ของข้าไม่ยินยอม ข้าก็อยากรู้เหมือนกันว่าพวกท่านจะจัดการเช่นไร"

ผู้อื่นต่างก็สังเกตได้ถึงนัยน์ตาที่ภาคภูมิใจของอู๋หวี ยามที่เอ่ยออกมา

เตาวิหคเพลิงเป็นของล้ำค่า สมบัติเก่าแก่ของสมาคมโอสถ ว่ากันว่ามันกำลังรอเจ้าของที่แท้จริงปรากฏตัวออกมา นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าของตัวจริงของเตาวิหคเพลิงกลับกลายเป็นลูกศิษย์ของเขาเอง

เตาวิหคเพลิงเป็นสมบัติล้ำค่า ได้เห็นสมาคมโอสถสูญเสียเช่นนี้ ไม่ให้อู๋หวีรู้สึกตื่นเต้นได้อย่างไร?

เป็นการสูญเสียหรือไม่ก็ยังไม่แน่นัก หัวหน้าสมาคมเชื่อว่านี่เป็นการแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่า การเก็บเตาวิหคเพลิงไว้ในสมาคมโอสถเองก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร สู้มอบให้แก่มู่หรูเยว่เพื่อให้นางมีความรู้สึกดีๆต่อสมาคมโอสถไม่ดีกว่าหรือ

ยิ่งไปกว่านั้น การที่ได้เป็นเจ้าของเตาวิหคเพลิง อนาคตของนางจะเป็นอย่างไรก็ไม่อาจคาดการณ์ได้
posted from Bloggeroid

Last Modified: Monday, January 2, 2017

หมอยาเจ้าเสน่ห์: จอมใจราชาปีศาจ ตอนที่ 107

บทที่ 107 สหายเก่ามาเยือน ตอนที่3

อู๋เฉินมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?

เมื่อคิดเช่นนั้นนางก็สั่นศีรษะพลางหัวเราะออกมา ทันใดนั้นสายตาของนางก็สะดุดเข้ากับจี้หยกที่ตกอยู่บนผ้าห่ม

มู่หรูเยว่หยิบจี้หยกนั้นขึ้นมาพิจารณา หลังจากเห็นอักษรคำว่า ‘กุ่ย’ สลักอยู่บนจี้นางก็ชะงักไปครู่หนึ่ง “นี่ไม่ใช่จี้หยกที่อู๋เฉินห้อยไว้ตลอดเวลาหรอกหรือ? เหตุใดจึงอยู่ที่นี่? หรือว่าเรื่องเมื่อคืนนั้นไม่ใช่ความฝัน?”

ภายในห้องโถงของสมาคมโอสถ หัวหน้าสมาคมจ้องมองชายชราที่อยู่ตรงหน้า หลังจากแค่นเสียงออกมาครั้งหนึ่ง เขาเอ่ย “นี่ไม่ใช่ท่านอาจารย์อู๋หวีหรอกหรือ? เหตุใดจึงมีเวลาแวะมาเยี่ยมเยียนข้าถึงที่นี่ได้?”

เห็นได้ชัดว่าชัดว่าชายชรายังขุ่นเคืองที่อีกฝ่ายปฏิเสธที่จะเข้าร่วมสมาคมโอสถ แต่กลับเลือกเข้าร่วมกับสำนักใหญ่แทนอยู่

“ในเมื่อลูกศิษย์ของข้าอยู่ที่นี่ เหตุใดจึงมาไม่ได้?” อู๋หวีเหลือบตามองอีกฝ่าย ก่อนจะริมน้ำชาให้ตัวเอง เขาไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับอีกฝ่ายมากนัก

ในขณะที่ชายชราทั้งสองกำลังทะเลาะกัน อาวุโสฮั่วและอาสุโวเหอต่างก็หลั่งเหงื่อเย็นเยียบออกมา

“ลูกศิษย์ของท่าน?” หัวหน้าสมาคมเลิกคิ้ว “ใครบ้างไม่รู้ว่าสายตาของท่านอาจารย์อู๋หวีเป็นเลิศเพียงไหน? เมื่อไหร่กันที่ท่านรับลูกศิษย์?”

“ลูกศิษย์ของข้าคือผู้ชนะในงานประลองชุมนุมโอสถครั้งนี้ มู่หรูเยว่” ท่านอาจารย์อู๋หวีมีท่าทางปลาบปลื้มใจยามที่เอ่ยถึงลูกศิษย์ของเขา เขาไม่ได้สนใจท่าทีที่เปลี่ยนไปของหัวหน้าสมาคม

“ท่าน ท่านว่ามู่หรูเยว่เป็นลูกศิษย์ของท่านหรือ?” หัวหน้าสมาคมมีสีหน้าแข็งทื่อ เขาไม่นึกมาก่อนว่าอาจารย์ของสาวน้อยผู้นั้นคืออู๋หวี

ด้วยนิสัยของชายชราผู้นี้ มีหรือว่าอีกฝ่ายจะยอมยกลูกศิษย์ให้เขา?

อู๋หวีเหลือบตามองอาวุโสฉินที่มีท่าทางตื่นกลัว เขาเลิกคิ้วเล็กน้อย พลางเอ่ย “ได้ยินมาว่าศิษย์ของข้าถูกใครบางคนรังแก อีกอย่างการประลองของหนุ่มสาวอาวุโสอย่างเราไม่ควรเข้าไปก้าวก่าย อาวุโสฉินท่านคิดว่าอย่างไร?”

หัวหน้าสมาคมชะงักงัน ด้วยนิสัยชอบปกป้องผู้อื่นของชายชราผู้นี้ อีกฝ่ายจะยอมเลิกราง่ายๆได้อย่างไร? ต่อให้เอ่ยอ้างว่าฉินเฟยเฟยยังเป็นเด็กไม่รู้ประสีประสา ชายชราผู้นี้ก็ไม่ใช่คนที่จะยอมยกโทษให้เด็กง่ายๆ

“แต่ ข้าได้ยินมาว่าอาวุโสฉินจากสมาคมโอสถให้การช่วยเหลือเด็กสาวที่ชื่อฉินเฟยเฟย ด้วยการที่จะยกสมุนไพรที่ศิษย์ของข้าชุบชีวิตขึ้นมาให้กับฉินเฟยเฟยเพื่อเปิดโอกาสให้นางได้แสดงฝีมือ?”

คำพูดของอู๋หวีช่างตรงประเด็นเหลือเกิน

หัวหน้าสมาคมคลี่ยิ้มเจื่อน เขารู้ว่าชายชราผู้นี้ย่อมไม่มีทางรามือต่ออาวุโสฉินง่ายๆแน่นอน

“ข้าได้ยินว่าตระกูลฉินได้ล่วงเกินฮูหยินเซิ่งเยว่ ข้าไม่อาจรั้งอาวุโสฉินเอาไว้อีกต่อไป อาวุโสฉินท่านกลับตระกูลฉินไปเถอะ สมาคมโอสถของข้าไม่อาจรั้งผู้สูงส่งอย่างท่านเอาไว้ได้”

อาวุโสฉินสีหน้าเปลี่ยน “หัวหน้าสมาคม!” 

“อาวุโสฉินยังมีเรื่องอะไรอีกหรือ?” หัวหน้าสมาคมจ้องมองสีหน้าที่เปลี่ยนไปของอาวุโสฉินอย่างเย็นชา
เขารู้สึกไม่พอใจอาวุโสฉินมานานแล้ว ไม่เพียงอีกฝ่ายเป็นเพียงอาวุโสตัวเล็กๆ หลายครั้งที่อาวุโสฉินพยายามข้ามหน้าข้ามตาเขา หัวหน้าสมาคมจึงใช้โอกาสนี้ขับไล่อีกฝ่ายออกไปจากสมาคมโอสถ

ยิ่งไปกว่านั้น เขาอาจทำให้อู๋หวีรู้สึกติดค้างเขาอีกด้วย

พูดกับตามตรงแล้ว หากคนทั้งสองมีเรื่องบาดหมางกัน ภายในความคิดของหัวหน้าสมาคมนั้น อาวุโสฉินย่อมไม่อาจเทียบได้กับชายชรา อู๋หวี แม้ไม่เอ่ยถึงความสัมพันธ์ครั้งเก่าก่อน ลำพังแค่มู่หรูเยว่กลายเป็นเจ้าของเตาวิหคเพลิงก็เพียงพอแล้ว

“ถ้าอย่างนั้นข้าขอตัวก่อน” อาวุโสฉินสีหน้าราวกับถ่าน เขาไม่เหลือบแลหัวหน้าสมาคมแม้แต่น้อยยามที่เขาจากไป

อาวุโสฮั่วมองเงาร่างที่ค่อยๆจากไป พลางขมวดคิ้ว “หัวหน้าสมาคม ท่านก็รู้ว่าการกระทำของอาวุโสฉินตลอดหลายปีมานี่เพราะเขาต้องการแทนที่ตำแหน่งของท่าน หากท่านขับไล่เขาออกไปเช่นนี้ เขาย่อมไม่พอใจและหาวิธีสร้างปัญหาให้กับสมาคมโอสถเป็นแน่”

“หากเขาทำเช่นนั้นจริง ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะปล่อยให้เขาอยู่ที่นี่อีกต่อไป”

-----
ว่าจะลงเมื่อวาน คนพรูฟส่งมาให้ตอนตีสอง... หลับพอดีอ่ะ *ปิดตาชี้คนร้าย*

คราวนี้ลองพิมพ์โน็ตบุ๊คดูพบว่าไม่ถนัดรุนแรง ฟอแมตรวนมาก เสียเวลาไปเยอะเลย ฮาๆ สงสัยเคยชินกะการจิ้มหน้าจอมากไป