บทที่ 75 แผนการของเย่เทียนเฟิง
เย่อู๋เฉินหันมองชายชุดดำ ใบหน้าที่หล่อเหลาราวกับเทพบุตรนั้นไม่แสดงอารมณ์ใดๆทั้งสิ้น แต่ชายชุดดำก็ยังรับรู้ได้ว่านายท่านของเขาไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง
“นางจะแต่งงานกับเรา” ขณะที่พูดใบหน้าของเขาก็หันไปทางอื่นเรียบร้อยแล้ว นัยน์ตาของเขาฉายแววรื่นรมย์ “ไม่ช้าก็เร็็วนางต้องเป็นชายาของเรา เราไม่เห็นจำเป็นต้องรีบร้อน จนกว่าพวกเราจะแต่งงานกันเรียบร้อย เราไม่มีทางกระทำเรื่องแบบนั้นต่อนางเป็นอันขาด”
แต่ได้หยอกเย้านางเล่นก็สนุกดีนี่นา....
เย่อู๋เฉินกลั้วหัวเราะ เด็กสาวผู้นั้นไม่เกรงกลัวต่อความเจ็บปวดยามที่ขำระไขกระดูก เขายังคิดว่านางนิสัยไม่คล้ายผู้หญิงสักเท่าไหร่ คิดไม่ถึงว่านางจะเขินอายถึงขนาดวิ่งหนีไป
เย่อู๋เฉินไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำว่า รอยยิ้มของเขาพลันอ่อนโยนลงยามที่เขานึกถึงใบหน้าเขินอายของมู่หรูเยว่....
ภายในวังหลวง ฮ่องเต้สือเยว่รู้สึกปวดหัวขึ้นมาขณะที่จ้องมองหลานชาย เขาคลึงขมับตัวเองพลางเอ่ย “”เฟิงเอ๋อร์ เจ้าเป็นคนต้องการจะยกเลิกการแต่งงานกับเด็กสาว มู่หรูเยว่ ผู้นั้นเอง เหตุใดวันนี้จึงยืนกรานที่จะแต่งงานกัยนางเล่า? เด็กสาวผู้นั้นดื้อดึงยิ่งนัก ไม่ว่าข้าหว่านล้อมนางอย่างไร นางก็ไม่ยอมเปลี่ยนใจ”
“เสด็จปู่ ก่อนหน้านี้หลานไม่รู้ว่ามู่หรูเยว่จะมีความสามารถถึงเพียงนี้ ในเมื่อเธอเป็นอัจฉริยะ หากนางแต่งงานกับหลาน ย่อมกลายเป็นกำลังสำคัญของเสด็จปู่อย่างแน่นอน”
“แต่ ข้าออกราชโองการให้นางแต่งงานกับกุ่ยหวังไปแล้ว...”
ฮ่องเต้สือเยว่ขมวดคิ้วอย่างลำบากใจ เจานึกอยากทำเช่นนั้น อย่างไรก็ตามเขาเคยกลับคำพูดตัวเองมาแล้วครั้งหนึ่ง หากทำเช่นนั้นอีกครั้ง ผู้อื่นไม่ล้อเลียนเขาแย่หรือ?
เย่เทียนเฟิงคลี่ยิ้ม พลางเอ่ยอย่างมั่นใจ “เสด็จปู่ ท่านแค่ออกราชโองการคร่าวๆ ยังไม่ได้ระบุวันแต่งงานเสียหน่อย ครั้งนี้หลานไม่ได้ขอร้องให้ท่านยกเลิกราชโองการ หลานเพียงหวังว่าเสด็จปู่จะเลื่อนการแต่งงานออกไปซักระยะหนึ่ง หลานมั่นใจว่าสามารถทำให้มู่หรูเยว่กลับมารักหลานได้ เมื่อถึงตอนนั้นนางจะเป็นผู้ขอล้มเลิกการแต่งงานระหว่างนางกับกุ่ยหวัง เสด็จปู่เพียงแค่ตอบตกลง ผู้คนย่อมไม่วิพากษ์วิจารณ์ท่าน ตรงกันข้ามกลับชื่นชมที่เสด็จปู่ส่งเสริมให้คู่รักได้ครองคู่กัน”
ฮ่องเต้สือเยว่นัยน์ตาเป็นประกาย “เป็นแผนการที่เยี่ยมมาก หากให้มู่หรูเยว่ตบแต่งกับกุ่ยหวังย่อมเสียประโยชน์เปล่าๆ ตกลง ข้าจะเลื่อนการแต่งงานของพวกเขาซักระยะหนึ่ง เจ้าต้องใช้โอกาสนี้ทำให้นางกลับมารักเจ้าให้ได้”
“หลานขอขอบพระทัยเสด็จปู่ล่วงหน้า” เย่เทียนเฟิงคลี่ยิ้ม เขามั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าสามารถใช้โอกาสนี้ทำให้มู่หรูเยว่กลับมารักเขาได้อย่างแน่นอน
เด็กสาวผู้นั้นคอยไล่ตามเขาตั้งแต่ยังเด็ก ไม่นานนี้เขาเพิ่งทำร้ายจิตใจนาง นางจึงไม่ยอมรับเขา เขาเชื่อว่าเวลาจะช่วยเยียวยาความโกรธเคืองของนาง ตราบใดที่เขาแสดงความจริงใจมากพอ นางย่อมไม่ปฏิเสธเขาอีกต่อไป
อย่างไรก็ตาม เย่เทียนเฟิงคาดไม่คิดว่าบทสนทนาของเขากับฮ่องเต้นั้นจะถูกนางกำนัลผู้หนึ่งของจี้หรูหยาได้ยินเข้า?
นางกำนัลผู้นี้เคยรับคำสั่งจากจี้หรูหยาว่าทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับมู่หรูเยว่ ไม่ว่าจะใหญ่หรือเล็กก็ต้องรายงานต่อนาง ยิ่งไปกว่านั้นจี้หรูหยาเคยช่วยชีวิตนางกำนัลผู้นี้เอาไว้ ดังนั้นเมื่อได้ยินบนสนทนาของพวกเขาก็รีบร้อนไปรายงานต่อจี้หรูหยาทันที
เวลานั้นราชโองการยังไม่ทันได้ประกาศออกไป จี้หรูหยาก็ส่งคนออกไปแจ้งข่าวให้มู่หรูเยว่ทราบ ประจวบเหมาะกับอู๋หวีแวะมาหามู่หรูเยว่พอดี ดังนั้นนิสัยชอบปกป้องของท่านอาจารย์อู๋หวีจึงประทุออกมาทันที
“ว่าไงนะ? เจ้าสารเลวเย่เทียนเฟิงช่างขวัญกล้ายิ่งนัก! ถึงกับกล้าคิดหมายตาศิษย์ของข้า ช่างไม่เจียมตัวเองเสียเลย เจ้านั่นมีส่วนไหนคู่ควรแต่งงานกับศิษย์ของข้ากัน! ไม่ได้ เรื่องนี้ปล่อยไว้ไม่ได้ ข้าต้องรีบไปหาเจ้าบ้าเทียนหยวนเดี๋ยวนี้!”
บทที่ 76 เจ้าไม่คู่ควรกับนาง
อู๋หวีที่กำลังโกรธจัดไม่ฟังสิ่งที่มู่หรูเยว่ต้องการจะบอกด้วยซ้ำ เขาแค่นเสียงออกมาครั้งหนึ่งแล้วก็จากไปจัดการกับเทียนหยวน เทียนหยวนผู้น่าสงสารย่อมต้องรับชะตากรรมอีกครั้งหนึ่ง ครั้งนี้เป็นเพราะลูกศิกษย์ของเขาคิดหมายตาคนที่ไม่ควรเข้า
แน่นอนว่า ผลสุดท้ายแล้วเป็นเขาที่ถูกอู๋หวีทุบตีอย่างทารุณ...
บริเวณสวนที่เงียบสงบภายในตำหนักจิ่ง เย่เทียนเฟิงกำลังผ่อนคลายกับการอาบแสงแดด เขานึกจินตนาการถึงยามที่มู่หรูเยว่เต็มใจเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของเขา อดไม่ได้คลี่ยิ้มออกมา
ในตอนนั้นเอง เงาร่างของใครคนหนึ่งพุ่งตรงเข้ามาอย่างรวดเร็วทำให้เย่เทียนเฟิงรู้สึกตื่นตระหนก แต่เมื่อหันไปมองว่าผู้ที่กล้าบุกรุกเข้ามาในตำหนักจิ่งนั้นเป็นใคร เขากำลังจะเอ่ยปากถาม แต่แล้วก็ชะงักเพราะเห็นหน้าถมึงทึงของอีกฝ่าย
เย่เทียนเฟิงรู้สึกใจคอไม่ดี หรือว่าเพราะเขากักขังถิงเอ๋อร์เอาไว้ อาจารย์จึงมาจัดการเรื่องนี้กับเขาด้วยตัวเอง?
“ท่านอาจารย์ ท่านมาทำไมหรือ? หากท่านต้องการตามถิงเอ๋อร์กลับไป ท่านแค่ส่งใครสักคนมาบอกก็ได้ ไม่เห็นจำเป็นต้องมาด้วยตัวเองเลย ข้าจะให้นางกลับไปกับท่านเดี๋ยวนี้”
จนถึงตอนนี้ เย่เทียนเฟิงยังเข้าใจว่า เทียนหยวนนึกสนใจในพรสวรรค์ของมู่ถิงเอ๋อร์ จึงได้รับนางเป็นผู้ติดตาม
“หญิงผู้นั้นให้อยู่กับเจ้าชั่วคราว ซักหลายวันค่อยให้นางกลับมา” เทียนหยวนส่ายศีรษะ “ครั้งนี้ข้ามาหาเจ้าด้วยเรื่องอื่น ข้าได้ยินว่าเจ้าต้องการแต่งงานกับมู่หรูเยว่ ตระกูลมู่?”
“ใช่แล้ว อาจารย์ มู่หรูเยว่มีพรสวรรค์เยี่ยมยอด นางคู่ควรจะเป็นคู่ครองของข้า” เย่เทียนเฟิงไม่สามารถคาดเดาจุดประสงค์ของเทียนหยวนออก นึกสงสัยว่าอีกฝ่ายเริ่มสนใจเรื่องการแต่งงานของเขาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
“ศิษย์ข้า ล้มเลิกความตั้งใจซะ” เทียนหยวนถอนใจออกมา “เจ้าไม่คู่ควรกับนาง ตัดใจเรื่องนางซะ ไม่อย่างนั้นเจ้าต้องพบหายนะที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เมื่อถึงตอนนั้นแม้แต่อาจารย์ก็ปกป้องเจ้าไม่ได้”
เย่เทียนเฟิงจ้องมองเทียนหยวนอย่างงงงวย อาจารย์หมายความว่าอย่างไร? หรือว่าอาจารย์ของมู่หรูเยว่นั้นแข็งแกร่งกว่าอาจารย์ของเขา?
เป็นไปได้อย่างไรกัน?
“แต่ว่า อาจารย์...”
“พอแล้ว!” เทียนหยวนเอ่ยขัดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “หากเจ้ายืนกรานจะยุ่งกับนางให้ได้ จากนี้ต่อไปเจ้าไม่ใช่ลูกศิษย์ของข้าอีก ข้ายังอยากมีชีวิตต่อไป ไม่อยากมาพัวพันกับเรื่องนี้อีก”
ทันทีที่กล่าวจบ เขาก็ไม่สนอาการตกตะลึงของเย่เทียนเฟิงอีก เขาหมุนตัวและเดินจากไป
////////////////
“หลี่ลู่ นี่คือผู้กล้าที่เจ้าหามาหรือ?” ภายในเรือนมู่ มู่หรูเยว่จ้องมองชายที่ยืนอยู่ตรงหน้า พยางพยักหน้าเล็กน้อย “ไม่เลว นี่คือยาชำระไขกระดูกที่ข้ารับปากเจ้าไว้ เอาไปทานซะ”
ว่ากันตามตรงแล้วภายในดินแดนแห่งนี้ คนที่ได้รับการยอมรับที่สุดไม่ใช่ฮ่องเต้ ไม่ใช่เจ้าสำนัก แต่เป็นนักปรุงยาที่สามารถปรุงยาวิเศษเช่นนี้ออกมาได้
นักปรุงยาที่มีเก่งกาจ ไม่ว่าจะเดินทางไปแคว้นหรือสำนักย่อมได้รับการต้อนรับ นั่นเพราะยาวิเศษเช่นนี้เป็นสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้
เมื่อทุกคนได้ยินอย่างชัดแจ้งว่าสามารถรับยาชำระไขกระดูกมาทานได้ นัยน์ตาเขาพวกเขาก็ฉายแววตื่นเต้น จ้องมองมู่หรูเยว่อย่างตื้นตันใจ
หากไม่เป็นเพราะนาง เกรงว่าชาตินี้ทั้งชาติพวกเขาคงไม่มีโอกาสได้แตะต้องยาชนิดนี้
ชายเลือดร้อนที่ได้รับยาไปแล้วถึงกับกำยาเอาไว้ด้วยมือสั่นเทา นี่ไม่ใช่ยาธรรมดา ไม่ใช่ยาขั้นต้นแต่เป็นถึงยาชำระไขกระดูกระดับปฐพีขั้นกลาง
“นายหญิง ท่านดีต่อพวกเราเหลือเกิน” หลี่ลู่รู้สึกปลาบปลื้มจนต้องเช็ดน้ำตา “ก่อนหน้านี้พ่อของข้าไม่พอใจทุบตีข้า เพราะข้าทำตัวเอาแต่ใจมาเป็นคนรับใช้ให้ผู้อื่น แต่การที่ข้าได้ติดตามนายหญิงนับเป็นความโชคดีอย่างที่สุด ข้าไม่มีทางเสียใจเป็นอันขาด”
เมื่อกล่าวเช่นนั้นแล้วหลี่ลู่ก็กลืนยาลงไป...
--------------
TL: วายยูอาบแดด ยูกลัวไม่ดำหราาา (สงสัยจริง)
ปล. ช่วงนี้ติดทั้งงานราษฏร์ งานหลวงเลย โอทีก็ต้องทำ สอบก็ต้องสอบ วันหยุดเหลือก็ต้องลาไปเที่ยว โอ้ย จนกว่าจะหมดสิ้นเดือน คงผลุบๆโผล่ๆหน่อยนะคะ *ตาย*
"ไม่ช้าก็เร็ว" นางต้องเป็นของเรา
ReplyDeleteคนแปลพิมพ์คำว่าเร็วเป็นเราเน้อ
ขอบคุณที่ช่วยสะกิดค่า ^^
ReplyDeleteหลี่ลู่นายแอบดราม่าเกินเหตุนะนี่
ReplyDeleteอาบแดด 555+
ReplyDeleteเจ้าชายรัชทายาทคงโมโหน่าดู โดนว่าผู้หญิงคนหนึ่งไม่คู่ควรกับเจ้าชายตำแหน่งสูงส่งอย่างเขา
คนขับใช้พวกนี้เลี้ยงง่ายเนอะ คึๆๆ
ขอบคุณครับ
ReplyDeleteคิดถึงเรื่องนี้มาก มาอยู่นี่นี่เอง ดีใจมากค่ะ งือออ
ReplyDeleteกลืนลงไปแล้วดิ้นเป็นจังหวะเทดโน
ReplyDelete