บทที่ 52 ความรู้สึกที่เกิดขึ้นในใจ ตอนที่3
หลังกลับจวนตระกูลมู่ มู่ชิงให้หญิงรับใช้ทั้งสองคอยดูแลมู่ถิงเอ๋อร์ เขาแทบไม่อยากจะเหลือบสายตามองนางด้วยซ้ำ หลังจากที่นางทำให้เขาอับอายขายหน้าจะให้เขาเอ็นดูนางเหมือนก่อนได้อย่างไร?
ตอนนี้ที่เขายังไม่ทอดทิ้งนางก็เพราะตอบแทนครอบครัวของนาง ที่ตอนนั้นบิดาแท้ๆของนางยอมสละชีวิตเพื่อช่วยเหลือนายหญิงตระกูลมู่เอาไว้
"ทำไมมู่หรูเยว่ถึงได้เปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนี้?" มู่ชิงขมวดคิ้ว นับจากที่มู่หรูเยว่เปิดเผยว่าตัวเองเป็นผู้ฝึกวิทยายุทธ์ขั้นสาม เขารู้สึกโกรธที่นางปิดบังเรื่องนี้กับเขา แต่เมื่อได้เห็นถึงความสามารถที่แท้จริงของนาง เขากลับรู้สึกเสียดาย
หากรู้ว่าเรื่องจะเป็นเช่นนี้ เขาคงไม่ขับไล่นางออกจากตระกูล มานึกเสียดายเอาตอนนี้ก็สายเกินไปเสียแล้ว...
ในตอนนั้น มู่ชิงได้ยินเสียงเอะอะเบื้องนอกจวน เขาไม่ทันได้ส่งข้ารับใช้ไปออกไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น เหล่าขุนนางและฮูหยินต่างก็พากันเดินเข้ามาในห้องโถง
"ประมุขตระกูลมู่ ยินดีด้วย ยินดีด้วย"
บุคคลแรกที่พูดขึ้นมาคือจางหลิน กรมการคลัง เขาเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มกว้าง เอ่ยแสดงความยินดี
มู่ชิงหัวเราะขื่นๆ "มีเรื่องอะไรให้น่ายินดีกัน?"
"บุตรสาวคนโตของท่าน มู่หรูเยว่ได้รับชัยชนะในการประลอง อีกทั้งยังได้รับการยอมรับจากสำนักชิงหยุน นี่ย่อมไม่ใช่เรื่องน่ายินดีหรอกหรือ?" จางหลินจ้องมองมู่ชิงอย่างแปลกใจ
มู่ชิงถอนใจอย่างอดไม่ได้ พลางสั่นศรีษะ "ท่านจางคงยังไม่ทราบว่า ยัยเด็กดื้อนั่นถูกขับไล่ออกจากตระกูลไปแล้ว ตอนนี้ไม่อาจนับนางเป็นคนของตระกูลมู่ได้อีก"
ใครจะรู้ว่าหลังจากได้ยินคำพูดนั้นจางหลินจะยังไม่จากไป เขากลับเอ่ยยิ้มๆ "ประมุขตระกูลมู่ มีคำกล่าวว่าว่าเลือดย่อมข้นกว่าน้ำ แม่นางมู่หรูเยว่จะจากตระกูลมู่ไปได้อย่างไร? หากท่านไปเกลี้ยกล่อมนางเสียหน่อย ด้วยฐานะพ่อแท้ๆของแม่นางมู่หรูเยว่ มีหรือนางจะไม่ยอมกลับมา"
คำพูดของจางหลินฟังมีเหตุผล มู่ชิงคิดใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง ค่อยรับการแสดงความยินดีจากคนอื่นๆ ดูเหมือนว่าหากเขายอมลดตัวไปเกลี้ยกล่อมมู่หรูเยว่ นางย่อมยอมกลับมาที่ตระกูลมู่
หลังจากนั้นไม่เพียงเหล่าขุนนางในเมืองเฟิ่งเฉิงเท่านั้น ยังมีคนจากสำนักชิงหยุนแวะมาเยี่ยมเยือน บางคนถึงกับต้องการรับนางเป็นศิษย์ แต่มู่ชิงไม่รู้ว่าตอนนี้นางอยู่ที่ไหน เขาจึงทำได้แค่ส่งคนออกไปตามหานาง
นับจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มู่หรูเยว่ไม่ได้ก้าวเท้าออกจากบ้านอีกเลย นางย่อมไม่รู้ว่าตระกูลมู่แทบจะพลิกแผ่นดินตามหานางอยู่
นางเก็บยาที่เพิ่งปรุงเสร็จวันนี้ไว้ในแหวนสะสม รู้สึกว่าไม่ได้ไปพบอู๋หวีมาพักใหญ่แล้ว นางจึงเก็บอุปกรณ์ในการปรุงยาต่างๆให้เรียบร้อยก่อนออกจากบ้าน
เจ้าของร้านไป่เฉาถังคุ้นเคยกับมู่หรูเยว่เป็นอย่างดี เมื่อเห็นหน้ามู่หรูเยว่ก็นำนางไปยังห้องปรุงยาโดยทันที
ภายในห้องปรุงยา เมื่ออู๋หวีเหลือบเห็นมู่หรูเยว่เข้ามาในห้อง เขาเบิกตากว้างเล็กน้อย รีบลุกขึ้นและตรงเข้ามาหานาง
"สาวน้อย เจ้ามาทำไมหรือ?"
"ข้าแค่แวะมาดูเฉยๆ" มู่หรูเยว่กระพริบตา ขณะกวาดสายตาสำรวจไปรอบๆ "อาจารย์ท่านกำลังทำอะไรอยู่หรืิอ"
"หึหึ ไม่มีอะไรหรอกแค่สมุนไพรของไป่เฉาถังใกล้จะจะเฉาตาย ข้ากำลังหาวิธีรักษามันอยู่"
อู๋หวีเอ่ยพลางเหลือบตามองสมุนไพรบนโต๊ะ
มู่หรูเยว่มองตามสายตาเขา เห็นสมุนไพรลักษณะคล้ายกับดอกบัวแปดกลีบวางอยู่บนโต๊ะ ส่วนเกสรสีเหลืองขนาดเท่าเมล็ดถั่วเปล่งแสงจางๆ ในขณะที่ส่วนกลีบลู่ลง เห็นได้ชัดว่ากำลังจะตาย
"บัวหิมะแปดกลีบ?" มู่หรูเยว่รู้สึกตื่นเต้น บัวหิมะแปดกลีบเป็นวัตถุดิบที่ใช้ในการปรุงยาชำระไขกระดูกขั้นกลาง คิดไม่ถึงว่านางจะได้พบมันที่นี่
อู๋หวีเอ่ยพลางเหลือบตามองสมุนไพรบนโต๊ะ
บทที่ 53 ความรู้สึกที่เกิดขึ้นในใจ ตอนที่4
"อาจารย์ ถ้าข้าสามารถรักษามันได้ ท่านยกให้ข้าได้หรือไม่?" มู่หรูเยว่นัยน์ตาเป็นประกาย เห็นได้ชัดว่าต้องการบัวหิมะแปดกลีบดอกนี้
อู๋หวีหัวเราะ พลางเอ่ย "ในเมื่อมันใกล้จะเฉาตายเก็บไว้กับข้าก็เปล่าประโยชน์ หากเจ้าสามารถรักษามันได้ข้าย่อมยกให้เจ้า"
เมื่อได้ยินดังนั้นมู่หรูเยว่ไม่ได้พูดอะไรอีก นางเดินมาหยุดเบื้องหน้าบัวหิมะแปดกลีบ ค่อยๆทาบฝ่ามือลงด้านบน ทันใดนั้น กระแสพลังอบอุ่นจากฝ่ามือของนางค่อยๆเคลื่อนไปที่กลีบบัวหิมะแปดกลีบอย่างช้าๆ
อู๋หวีที่ไม่ได้คิดอะไรในตอนแรก เมื่อสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของบัวหิมะแปดกลีบสีหน้าก็เปลี่ยนกะทันหัน เขาจับจ้องบัวหิมะแปดกลีบที่กำลังซึมซับพลังงานอย่างตะลึงงัน
ถึงแม้การเปลี่ยนแปลงจะเล็กน้อยมาก แต่ก็ยังเห็นได้ชัดว่าพลังชีวิตของบัวหิมะแปดกลีบกำลังเพิ่มขึ้น...
สีหน้าของมู่หรูเยว่ค่อยๆซีดเผือด เหงื่อเม็ดโตค่อยๆไหลผ่านใบหน้างามของนาง ติ๋ง! เสียงเหงื่อหยดลงกับพื้น ตอนนี้ภายในห้องปรุงยาเงียบสงัดเสียจนได้ยินเสียงลมหายใจ
อู๋หวีตบศีรษะตัวเอง จ้องมองการเปลี่ยนแปลงทีละเล็กละน้อยของบัวหิมะแปดกลีบอย่างไม่เชื่อสายตา สีหน้าของเขาในตอนนี้ราวกับตกอยู่ในห้วงฝัน
"เป็นไปไม่ได้? เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?"
ปีศาจ เด็กสาวคนนี้ต้องเป็นปีศาจแน่ๆ!
อู๋หวีไม่ทันหายตกใจ มู่หรูเยว่ก็ถอนมือของนางกลับ บัวหิมะที่ใกล้เฉาตายเมื่อครู่ บัดนี้กลับดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง
เดี๋ยวก่อน...
อู๋หวีเบิกตากว้างอย่างตกตะลึง เขาจับจ้องบัวหิมะที่วางอยู่บนโต๊ะ
"ไม่ถูกต้อง!? เหตุใดจึงมีเก้ากลีบ? เหตุใดจึงมีกลีบเพิ่มมาอีกหนึ่ง? บัวหิมะเก้ากลีบ... ให้ตายเถอะ! บัวหิมะเก้ากลีบล้ำค่ากว่าบัวหิมะแปดกลีบอีก!"
เห็นได้ชัดว่าอู๋หวีตกตะลึงเป็นอย่างมากถึงขนาดสบถออกมา
เด็กสาวผู้นี้ไม่เพียงฟื้นชีวิตบัวหิมะแปดกลีบกลับมา แต่ยังเปลี่ยนบัวหิมะแปดกลีบให้กลายเป็นบัวหิมะเก้ากลีบด้วย! บนโลกนี้ยังมีบุคคลที่มีความสามารถอมนุษย์ยิ่งกว่านางอีกหรือ? นางเป็นปีศาจชัดๆ!
อู๋หวีตกตะลึงจนพูดไม่ออก ได้แต่พึมพัมว่าปีศาจซ้ำไปซ้ำมา
"บัวหิมะเก้ากลีบ?" มู่หรูเยว่ขมวดคิ้ว นี่ย่อมเป็นเรื่องเหนือความคาดหมาย นางถอนใจ นำบัวหิมะเก้ากลีบเก็บในแหวนสะสม ก่อนหันไปมองอู๋หวีที่กำลังยืนตะลึงอยู่ด้านข้าง
นางเลิกคิ้วเล็กน้อย ริมฝีปากของมู่หรูเยว่กึ่งยิ้มกึ่งบึ้ง พลางเอ่ย "ท่านสัญญาจะยกบัวหิมะให้ข้าแล้ว"
เมื่ออู๋หวีคลายจากความตกใจได้ยินประโยคที่นางเอ่ย เขาอดไม่ได้ที่จะจ้องมองนาง "ในเมื่อสัญญากับเจ้าแล้ว ข้าจะถอนคำพูดได้อย่างไร? ไม่ต้องกังวล ไม่ว่าจะเป็นบัวหิมะแปดกลีบหรือบัวหิมะเก้ากลีบล้วนเป็นของเจ้า แต่สาวน้อย... ความสามารถของเจ้าน่าตื่นตะลึงเกินไป เจ้าห้ามให้ผู้ใดรู้เป็นอันขาด ไม่อย่างนั้นจะนำภัยมาสู่ตัวเจ้าเอง"
มู่หรูเยว่รู้สึกอุ่นใจขึ้นมา พลางเอ่ย "วางใจเถอะ อาจารย์ หากผู้ที่อยู่ที่นี่ไม่ใช่ท่านข้าย่อมไม่มีทางใช้ความสามารถนี้แน่นอน"
"สาวน้อย เจ้า..." อู๋หวีโคลงศีรษะอย่างอ่อนใจ เขาไม่รู้ว่าควรจะดีใจที่มู่หรูเยว่เชื่อใจเขา หรือถอนใจเรื่องความสามารถลึกลับของนางดี
เขาเชื่อว่าหากเปลี่ยนเป็นผู้อื่นอยู่ที่นี่ นางย่อมไม่มีทางใช้ความสามารถนั้นออกมาสุ่มสี่สุ่มห้าอย่างแน่นอน
เมื่อคิดได้ว่าเขาค้นพบลูกศิษย์ที่เปี่ยมด้วยความสามารถเช่นนี้ อู๋หวีก็รู้สึกตื่นเต้น บางทีสิ่งเดียวในชีวิตที่เขาไม่นึกเสียใจคือการได้รับนางเป็นศิษย์
"จริงสิ สาวน้อย ข้าได้ยินว่าตอนนี้ตระกูลมู่กำลังตามหาที่อยู่ของเจ้า" อู๋หวีนึกขึ้นได้ จึงเอ่ยขึ้นมา
"ตระกูลมู่?" มู่หรูเยว่ตะลึงไปครู่หนึ่ง ก่อนคลี่ยิ้มเย็นชา "ตระกูลมู่จะตามหาข้าไปทำไม?"
"ตระกูลมู่?" มู่หรูเยว่ตะลึงไปครู่หนึ่ง ก่อนคลี่ยิ้มเย็นชา "ตระกูลมู่จะตามหาข้าไปทำไม?"
มันต้องกดโพสคอมเมนต์นี้เอง กล่องถึงขึ้นปั๊ดติโธ่ววว
ReplyDeleteมู่ชิงนี่ไม่เลิกราจริงๆ
ReplyDeleteมู่อี้เสี่ยนี่ก็เห็นแก่ตัวสุดๆ แต่ก็เป็นอีกด้านของมนุษย์ที่แท้จริง
ขอบคุณนะคะ
นอกจากนางเอกแล้วสตรีแซ่มู่ถูกเลี้ยงดูได้...จริงๆ
ReplyDelete