Pages

Last Modified: Thursday, November 3, 2016

หมอยาเจ้าเสน่ห์: จอมใจราชาปีศาจ บทที่ 46-48

บทที่46 ฉายเดี่ยว ตอนที่2


สามเดือนก่อน เห็นได้ชัดว่ามู่หรูเยว่นั้นยังไม่สามารถใช้กระบวนท่าเช่นนี้ออกมาได้ หากไม่เพราะนางเก็บซ่อนความสามารถไว้อย่างมิดชิด ก็ย่อมเป็นเพราะนางสามารถเลื่อนสู่ขั้นที่สี่ได้สำเร็จภายในเวลาสามเดือน

การเลื่อนเข้าสู่ผู้ฝึกวิทยายุทธ์ขั้นที่สี่ในเวลาเพียงสามเดือน แม้แต่ศิษย์เอกในสำนักชิงหยุนก็ไม่อาจมีพัฒนาการที่รวดเร็วเช่นนี้ได้ ยิ่งจากคนไร้ค่ากลายมาเป็นผู้ฝึกวิทยายุทธ์ขั้นสี่ด้วยแล้ว….

ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง พรสวรรค์ของเด็กสาวผู้นี้ช่างน่าตื่นตะลึงเกินไปแล้ว
นัยน์ตาของเย่เทียนเฟิงเป็นประกาย ไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าตอนนี้เขาเริ่มมีท่าทีสนใจมู่หรูเยว่ขึ้นมาบ้างแล้ว

ในดินแดนแห่งนี้ สุดท้ายแล้วผู้คนย่อมเห็นคุณค่าของผู้ที่มีความสามารถ

มู่หรูเยว่เป็นเพียงคนไร้ค่าไม่มีคุณสมบัติพอที่จะให้เขาชายตามองเสียด้วยซ้ำ แต่ถ้านางสามารถเปลี่ยนจากคนไร้ค่ากลายเป็นอัจฉริยะได้เล่า? การได้เป็นผู้ฝึกวิทยายุทธ์ขั้นสามด้วยวัยสิบห้าปีนั้นอาจไม่ใช่เรื่องแปลก แม้แต่มู่ถิงเอ๋อร์ก็ยังเลื่อนเป็นขั้นที่สามด้วยวัยสิบสี่ปี นอกจากนี้ยังมีอัจฉริยะอีกมากมายในสำนักชิงหยุนที่มีพรสวรรค์เหนือกว่ามู่ถิงเอ๋อร์

ถ้าหากว่ามู่หรูเยว่เป็นอัจฉริยะในระดับที่สามารถเลื่อนระดับมาถึงจุดนี้ได้ด้วยเวลาเพียงสามเดือนแล้วล่ะก็ นั่นย่อมคู่ควรให้เขาสนใจ…

เย่เทียนเฟิงมัวแต่ครุ่นคิด ไม่ได้สังเกตถึงสายตาของมู่ถิงเอ๋อร์ที่กำลังมองมาทางเขาแม้แต่น้อย

ขณะประลองมู่ถิงเอ๋อร์คอยส่งสายตามองชายคนรักอยู่บ่อยครั้ง กลับพบว่าเขามัวแต่จับจ้องมู่หรูเยว่ตาไม่กระพริบ

สายตาของเย่เทียนเฟิงสื่ออารมณ์หลากหลาย แต่นางรู้ได้ว่าสายตาที่ของเขาที่เคยจ้องมองมู่หรูเยว่อย่างรังเกียจและดูแคลนมู่หรูเยว่ได้หายไปแล้ว

“มู่หรูเยว่!” นัยน์ตาของมู่ถิงเอ๋อร์เต็มไปด้วยความอาฆาตแค้นจนอยากฆ่านางให้ตาย ใบหน้างามบิดเบี้ยวเมื่อจับจ้องเด็กสาวที่กำลังโจมตีและตั้งรับการต่อสู้บนเวทีประลองอย่างคล่องแคล่ว

“ข้าอยากให้เจ้าตาย! เจ้าต้องตาย!”

นังสารเลวกล้าบังอาจเรียกร้องความสนใจจากรัชทายาท นางย่อมไม่ยอมปล่อยให้มู่หรูเยว่มีชีวิตต่อไป

หมัดที่กำแน่นของมู่ถิงเอ๋อร์ค่อยคลายออก นางล้วงเอาห่อกระดาษสีเหลืองจากในอกเสื้อ บรรจงเปิดห่อออกอย่างระมัดระวังและกลืนยาลงไป

ตึง!

พลังปราณในร่างของเธอเข้มข้นขึ้น มู่ถิงเอ๋อร์เลื่อนระดับเข้าสู่ขั้นที่ห้าในทันที

เย่เทียนเฟิงนั่งไม่ติดเก้าอี้อีกต่อไป เขาลุกและจ้องมองมู่ถิงเอ๋อร์ด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก “ถิงเอ๋อร์ ในที่สุดเจ้าก็ใช้ยานั่น...”

ยาเลื่อนระดับช่วยให้ผู้ฝึกวิทยายุทธ์สามารถเลื่อนระดับได้อย่างรวดเร็ว แต่ประสิทธิภาพของยาจะคงอยู่ได้เพียงชั่วโมงเดียว หลังจากนั้นจะกลับเป็นเหมือนก่อนหน้า

ทุกคนต่างก็รู้ว่ายาเช่นนี้ย่อมมีผลข้างเคียง เย่เทียนเฟิงไม่ต้องการให้มู่ถิงเอ๋อร์ใช้ยานั้นยกเว้นก็แต่ยามที่จำเป็นจริงๆ

นางถึงกับใช้ยาเลื่อนระดับมาช่วยในการประลอง นี่ย่อมไม่เป็นการยอมรับว่านางอ่อนแอกว่าคู่ต่อสู้หรอกหรือ?

มู่ถิงเอ๋อร์ใช้ยาเป็นตัวช่วยให้เธอเลื่อนระดับสู่ขั้นที่ห้า พลังมหาศาลที่ไหลเวียนอยู่ในร่างทำให้นางส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง ดูเอาเถอะ... นังสารเลวมู่หรูเยว่ต้องคลานมาอยู่แทบเท้าของนางด้วยความหวาดกลัว

เห็นได้ชัดว่ายามนี้มู่ถิงเอ๋อร์โกรธจนเสียสติไปแล้ว เป้าหมายของนางเพียงอย่างเดียวคือรีบฆ่าคนตรงหน้าเสียก่อนที่นางจะแย่งรัชทายาทไปจากนาง!

“มู่หรูเยว่ เจ้าเอาชนะข้าไม่ได้หรอก!” มู่ถิงเอ๋อร์ขบกรามแน่นจ้องมองใบหน้างดงามของมู่หรูเยว่ ใบหน้าที่นางนึกเกลียดเข้ากระดูกจนอยากฉีกกระชากออกเป็นชิ้นๆ

ทันใดนั้น ขุมพลังสายหนึ่งของมู่ถิงเอ๋อร์พุ่งตรงไปที่มู่หรูเยว่

กระบี่ที่เย็นเยียบราวกับน้ำแข็ง มู่ถิงเอ๋อร์นัยน์ตาเป็นประกายคาดว่าจะได้เห็นอีกฝ่ายตื่นตระหนกด้วยความกลัว กระบี่ที่มู่ถิงเอ๋อร์แทงออกไปไม่ได้มุ่งเอาชีวิตแต่กลับต้องการทำลายใบหน้าของนาง

ในความคิดของมู่ถิงเอ๋อร์ ตราบใดที่ใบหน้าของนางเสียโฉมย่อมไม่อาจยั่วยวนผู้ชายได้อีกต่อไป...

มู่หรูเยว่ที่ไม่ได้ใช้กระบี่ตั้งแต่เริ่มต้นการประลองยอมชักกระบี่ออกมาในที่สุด นางตั้งรับการโจมตีหนักหน่วงของมู่ถิงเอ๋อร์ด้วยท่าทีเฉยเมย สองกระบี่ปะทะกันจนสะเก็ดไฟแตกกระจาย มู่หรูเยว่รู้สึกชาหนึบที่ฝ่ามือ รับรู้ถึงกลิ่นคาวเลือดจางๆจากปากของนางเอง


บทที่47 ฉายเดี่ยว ตอนที่3


“มู่หรูเยว่ รู้หรือไม่ความผิดพลาดที่สุดในชีวิตของเจ้าคืออะไร?” มู่ถิงเอ๋อร์แค่นเสียงอย่างเย็นชา เสียงของนางดังพอที่ผู้ประลองบนเวทีต่างก็ได้ยิน “ความผิดพลาดที่สุดของเจ้าคือการที่เกิดมาเป็นบุตรสาวตระกูลมู่ ทุกอย่างข้าล้วนเหนือกว่าเจ้า แต่ข้ากลับเป็นแค่เด็กที่ถูกเก็บมาเลี้ยง เจ้ามีสิทธิ์อะไรสืบเชื้อสายตระกูลมู่? ไม่ยุติธรรม! ถ้าข้าไม่ได้เป็นแค่เด็กที่ถูกเก็บมาเลี้ยง ข้าคงไม่ต้องสิ้นเปลืองแรงมากมายขนาดนี้เพื่อขโมยบิดาและคู่หมั้นมาจากเจ้า!”

นางเกลียดมู่หรูเยว่ แต่นางเกลียดบิดาแท้ๆของตัวเองยิ่งกว่า

เนื่องจากบิดาแท้ๆของนางเป็นคนไร้ค่า ทำให้นางไม่มีภูมิหลังตระกูลที่ดี คนไร้ค่าพรรคนั้นไม่คู่ควรกับการเป็นบิดาของนาง ยังดีที่เขายังมีความรักต่อบุตรสาวตัวเองอยู่บ้างจึงได้จงใจสละชีวิตเพื่อช่วยนายหญิงผู้เฒ่าให้รอดพ้นจากอันตราย เพื่อให้ตระกูลมู่เลี้ยงดูนางนับจากนั้นเป็นต้นมา

หากว่าบิดาของเธอเป็นมังกรในหมู่มวลมนุษย์อย่างฮ่องเต้ของแว่นแคว้นล่ะก็ นางคงได้รับทุกสิ่งที่ต้องการไปนานแล้ว? หากเป็นเช่นนั้นนางคงไม่ต้องเพียรพยายามอย่างหนักถึงเพียงนี้เพื่อสร้างอนาคตของตัวเอง

ดังนั้นคนผู้นั้นไร้ค่าเกินไป ไร้ค่าเสียจนไม่คู่ควรจะเป็นบิดาของนาง

“เจ้าคิดว่าตัวเองเหนือกว่าข้างั้นหรือ?” มู่หรูเยว่คลี่ยิ้ม รอยยิ้มที่ชวนให้มู่ถิงเอ๋อร์รู้สึกขนลุกเกรียวราวสบตากับปีศาจร้าย “เมื่อปีนั้นเจ้าทำอะไรลงไปย่อมรู้ตัวเองดียิ่งกว่าใคร”

มู่ถิงเอ๋อร์สีหน้าเปลี่ยนกะทันหัน 'หรือว่านางจะรู้เรื่องนั้นด้วย?' ไม่ เป็นไปไม่ได้ นางวางแผนอย่างรอบคอบและกระทำการอย่างลับๆย่อมไม่มีใครล่วงรู้เรื่องนี้ได้

เมื่อคิดเช่นนั้น มู่ถิงเอ๋อร์ค่อยสงบลง พลางเอ่ยอย่างเย้ยหยัน “มู่หรูเยว่ เลิกใส่ความข้าได้แล้ว เจ้ามันแค่คนไร้ค่า อย่าคิดว่าแค่ฝึกฝนวิทยายุทธ์เป็นแล้วจะสามารถเอาชนะข้าได้”

ยามนั้นมู่ถิงเอ๋อร์พูดเสียงเบามาก คนข้างล่างจึงไม่รู้ว่าคนทั้งสองกำลังสนทนาเรื่องอะไรอยู่

บทสนทนานั้นจบลง... มู่ถิงเอ๋อร์พลันเสือกกระบี่ในมือแทงไปที่ลำคอของฝ่ายตรงข้ามอย่างรวดเร็ว

ทว่ามู่หรูเยว่ราวกับมีตาหลัง นางยกกระบี่ขึ้นปัดป้องการโจมตีของมู่ถิงเอ๋อร์อย่างง่ายดาย

สายลมฤดูใบไม้ร่วงพัดไหว ใบไม้แห้งพากันร่วงโรยจากต้น...

ในตอนนั้นเหลือเพียงพวกนางสองคนที่ยืนอยู่บนเวทีประลอง

ร่างมากมายนอนเกลื่อนบนเวทีประลอง เมื่อฝูงชนเบื้องล่างจ้องมองภาพนั้นอย่างทึ่งๆ พากันลอบกลืนน้ำลาย ต่อให้มู่หรูเยว่แพ้มู่ถิงเอ๋อร์ในการประลองครั้งนี้แล้วอย่างไร? ใครยังกล้าหาว่ามู่หรูเยว่เป็นคนไร้ค่าอีก?

หากไม่เพราะก่อนหน้ามู่ถิงเอ๋อร์ใช้ยาเพื่อเลื่อนระดับของตัวเอง นางย่อมรับความพ่ายแพ้ไม่ต่างกับคนอื่นๆ

“ฝ่าบาท คิดอย่างไรกับมู่หรูเยว่เพคะ?” จี้หรูหยาคลี่ยิ้มพลางม้วนปลายผมตัวเองเล่น นัยน์ตาคู่งามเต็มไปด้วยความสนใจ “สงสัยจริงๆว่าหากนางไม่ใช่คนไร้ค่า แล้วคำเล่าลือเหล่านั้นมาจากไหน?”

ฮ่องเต้สือเยว่เองก็ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ‘ถ้าข้ารู้ว่ามู่หรูเยว่มีพรสวรรค์ถึงเพียงนี้ ข้าย่อมยกนางให้ตบแต่งกับลูกหลานของข้า มีหรือจะยอมยกนางให้เด็กหนุ่มจากตำหนักกุ่ยชุบมือเปิบถึงเพียงนี้?’

เมื่อคิดถึงเรื่องนั้น สีหน้าของฮ่องเต้สือเยว่พลันไม่น่ามอง จี้หรูหยาคลี่ยิ้มไม่พูดอะไรต่อ นางเลื่อนสายตาจับจ้องไปทางมู่หรูเยว่ มุมปากของนางยกขึ้นเล็กน้อยดูมีเสน่ห์ขึ้นอีกหลายส่วน

ในตอนนี้ทุกคนต่างก็จับตามองบนเวที...

กระบวนท่าโจมตีของมู่ถิงเอ๋อร์นั้นรวดเร็วจนยากที่จะรับมือ ผู้คนต่างจับจ้องภาพกระบี่นับไม่ถ้วนโจมตีเข้าหามู่หรูเยว่ดุจภาพลวงตา ยากจะแยกแยะได้ว่ากระบี่เล่มไหนคือของจริง

ตั้งแต่เริ่มจนถึงบัดนี้มู่หรูเยว่ยังไม่แสดงท่าทีตื่นตระหนกให้เห็น ร่างของนางเคลื่อนหลบซ้ายขวาตามการโจมตีของกระบี่


บทที่48 ฉายเดี่ยว ตอนที่4


ผู้คนต่างก็จับจ้องการประลองระหว่างเด็กสาวทั้งสองอย่างไม่กระพริบตา

มู่อี้เสี่ยกำมือแน่น จ้องมองการประลองอย่างเป็นกังวล นางเอ่ยถาม “ท่านพ่อ ท่านคิดว่าพี่ถิงเอ๋อร์จะชนะหรือไม่?”

มู่ชิงลูบศีรษะมู่เสี่ยเอ๋อร์ พลางคลี่ยิ้มอย่างมั่นใจ “ถึงนังเด็กดื้อนั่นดูน่ากลัวก็จริง แต่ตอนนี้ถิงเอ๋อร์เป็นถึงผู้ฝึกวิทยายุทธ์ขั้นที่ห้านางจะพ่ายแพ้ได้อย่างไร? นางต้องชนะอย่างแน่นอน ตราบใดที่นางชนะการประลอง ข่าวลือแย่ๆของนางก็จะหายไปเอง”

มู่อี้เสี่ยกระพริบนัยน์ตาคู่งาม พยักหน้าเห็นด้วยกับบิดา พี่ถิงเอ๋อร์เป็นพี่สาวที่นางยกย่องนับถืออย่างสุดหัวใจ นางต้องไม่พ่ายแพ้ให้กับมู่หรูเยว่แน่นอน

ชั่วขณะนั้น มู่หรูเยว่ถอยหลังเพื่อเว้นระยะห่างจากมู่ถิงเอ๋อร์ นางป่อยกระบี่ในมือและบังคับให้ลอยคว้างอยู่กลางอากาศ

ทันใดนั้นกระบี่ที่มีรูปร่างเหมือนกันไม่ผิดเพี้ยนพลันแยกตัวออกมา เสียงกระบี่แหวกอากาศพุ่งเข้าหาร่างของมู่ถิงเอ๋อร์ ในขณะนั้นเองที่กระบี่ทั้งสองเริ่มเผาผลาญด้วยเปลวไฟร้อนแรงราวกับก้อนเพลิง อุณหภูมิโดยรอบพลันสูงขึ้นตามไปด้วย

นี่เป็นวิชากระบี่ที่มู่หรูเยว่เคยฝึกฝนเมื่อชาติก่อน ‘หมื่นกระบี่รวมหนึ่ง’ ถึงแม้จะเป็นเพียงกระบวนท่าแรกสุดของหมื่นกระบี่รวมหนึ่ง แต่ก็เพียงพอที่จะรับมือกับมู่ถิงเอ๋อร์ที่ไม่ได้เป็นผู้ฝึกวิทยายุทธ์ขั้นห้าอย่างแท้จริง

“หยุดนะ!” มู่ถิงเอ๋อร์ตื่นตระหนกจนใบหน้าซีดเผือด ขาทั้งสองสั่นสะท้านไม่หยุด นางรีบยกกระบี่น้ำแข็งขึ้นตั้งรับ หากแต่เมื่อกระบี่ของเธอสัมผัสกับความร้อนแรงของกระบี่เพลิง กระบี่น้ำแข็งของเธอกลับค่อยๆหลอมละลาย

นี่ย่อมเป็นกระบี่ราคาแพงที่มู่ชิงสรรหามาให้เธอ กระบี่เล่มนี้ทำขึ้นจากน้ำแข็งบนภูเขาหิมะที่ว่ากันว่าหมื่นปีก็ไม่มีทางละลาย ช่วยให้นางสามารถใช้กระบวนท่าน้ำแข็งของนางได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

ใครจะคิดว่ากระบี่เล่มนี้กลับถูกเปลวไฟของมู่หรูเยว่หลอมละลาย?

เห็นกระบี่เพลิงคู่ประชิดเข้ามา มู่ถิงเอ๋อร์ขบกรามแน่น ดึงสายเข็มขัดจากเอวเพื่อโจมตีกลับ หากแต่สายเข็มขัดยังไม่ทันได้เข้าใกล้ก็ถูกความร้อนจากเปลวเพลิงแผดเผากลายเป็นเถ้าถ่านเสียก่อน

‘จบสิ้นแล้ว... ด้วยความร้ายกาจของมู่หรูเยว่ นางย่อมฆ่าข้าให้ตาย!’

‘แต่ข้ายังไม่อยากตายนี่นา’

เมื่อคิดได้แบบนั้น มู่ถิงเอ๋อร์ไม่สนใจภาพลักษณ์ของตัวเองอีกต่อไป นางตะโกนก้อง “ท่านพ่อ รัชทายาท ช่วยข้าด้วย! มู่หรูเยว่บอกว่านางคิดจะฆ่าข้าเพื่อให้รัชทายาทกลายเป็นของนาง”

หลังได้ยินคำพูดของมู่ถิงเอ๋อร์ มู่หรูเยว่หัวเราะอย่างเย้ยหยัน นางไม่คิดจะหยุดการโจมตี แต่ก็ไม่คิดจะเอาชีวิตนางเช่นกัน…

ฟึ่บ!

ฟึ่บ! ฟึ่บ!

เสียงแหวกอากาศดังขึ้น กระบี่ทั้งสองกรีดเสื้อผ้าของมู่ถิงเอ๋อร์ออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยเผยให้เห็นเรือนร่างขาวบอบบางของนาง ที่ชัดเจนไปกว่านั้นบริเวณท้องน้อยของเธอกลับมีรอยรักปรากฏให้เห็น ดูจากรอยที่เริ่มจางเหมือนจะเกิดขึ้นนานมาแล้ว

“อ๊ะ!”

มู่ถิงเอ๋อร์กรีดร้องออกมา รีบยกมือขึ้นปิดทรวงอกขาวที่เปิดเปลือยต่อหน้าธารกำนัล การกระทำของนางนั้นเปิดโอกาสให้ฝูงชนสังเกตว่าที่แขนของนางไม่มีสัญลักษณ์ของหญิงบริสุทธิ์*อยู่อีกแล้ว

ที่แท้มู่ถิงเอ๋อร์แห่งตระกูลมู่ก็ไม่ใช่หญิงบริสุทธิ์…

ในตอนนั้นชายหนุ่มที่มากไปด้วยกิเลสยากนักที่จะมีโอกาสได้เห็นเรือนร่างงดงามอย่างนี้ ต่างก็ไม่อาจละสายตาไปจากเรือนร่างนาง ขณะที่บรรดาผู้หญิงต่างก็มองมู่ถิงเอ๋อร์ด้วยสายตาดูแคลน

ใครจะคาดว่าเด็กสาวที่โดดเด่นอย่างมู่ถิงเอ๋อร์ แท้จริงเป็นแค่หญิงร่านที่ยอมมอบกายให้ชายหนุ่มก่อนการแต่งงาน

“เฟิงเอ๋อร์ นั่นคือเด็กสาวที่เจ้าต้องการแต่งด้วยงั้นหรือ?” ฮ่องเต้สือเยว่จ้องมองด้วยสายตาเย็นชา เขาเอ่ยด้วยท่าทีไม่พอใจ “นางสละความบริสุทธิ์ก่อนการแต่งงาน ฝ่าฝืนจริยธรรม เราย่อมไม่อนุญาตให้รับหญิงอย่างนางเข้ามาแปดเปื้อนราชวงศ์เป็นอันขาด”

-----
*守宫砂 (shougongsha) เป็นคล้ายๆรอยเล็กๆสีแดงแต้มไว้ที่แขนของผู้หญิง เชื่อกันว่าถ้ามีเพศสัมพันธ์แล้วจะหายไปค่ะ หาภาพประกอบได้ใน google ค่ะ


ปล. รู้สึกว่าช่วงการประลองแปลยากกว่าตอนอื่นๆ ศัพท์อัศจรรย์ เฟี้ยว ฟ้าว โคร้ง เคร้ง เยอะมาก เลือกคำกันไม่ถูกเลยค่ะ หากเจอคำผิดรบกวนช่วยบอกด้วยนะคะ เหลืออีกสองตอนจะจบการประลอง จะกลับมาแก้+แปลต่อวันจันทร์ค่ะ ขอตัวไปงีบเอาแรงก่อนต้องขับรถกลางคืน

ปล2. สำหรับคนที่หลงมา... บอกแล้วว่าค้าง เค้าแปลไม่ทันจริงๆ T_T

6 comments:

  1. สู้สู้ๆนะค่ะไรท์ พักผ่อนเยอะๆนะค่ะจะได้มีแรงมาแปลให้ต่อน้าาาา😘😘😘

    ReplyDelete
  2. คอมเมนต์ได้แล้วเย้!! อยากคอมเมนต์ทุกตอนแต่มันไม่ขึ้นให้คอมเมนต์ ชอบเรื่องนี้มากดำเนินเรื่องไวกว่านิยายจีนเรื่องอื่นๆมาก เรื่องอื่นๆนี่ 400-500 ตอนก็ยัง...เอื่อยเฉื่อย แปลต่อไปนะคะสู้ๆ

    ReplyDelete
  3. คอมเม้นได้เเล้ว;-; สนุกมากกกกกกกกกค่ะก.ไก่ล้านตัว ขอบคุณที่เเปลนะคะ

    ReplyDelete
  4. คอมเม้นได้เเล้ว;-; เรื่องนี้สนุกมากกกกกกกกกค่ะก.ไก่ล้านตัว ขอบคุณไรท์ที่เสียสละเวลาเเปลนะคะ

    ReplyDelete
  5. ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว จบเจ็บๆนะมู่ถิงเออร์

    ReplyDelete