บทที่ 81 เฟิ่งจิงเทียน จอมเจ้าเล่ห์ ตอนที่3
"ขอโทษด้วย ข้าไม่สนใจผู้ชายที่เหมือนผู้หญิงอย่างท่าน" มู่หรูเยว่เงยหน้ามองชายที่งดงามราวกับปีศาจด้วยนัยน์ตาที่เยือกเย็นเฟิ่งจิงเทียน วาดมือออกมาอย่างช่วยไม่ได้ "ถ้าเป็นเช่นนั้นคงไม่มีทางอื่น..."
ตูม!
พลังปราณแข็งแกร่งระเบิดออกจากร่างของเฟิ่งจิงเทียน พลังเย็นเยียบที่แฝงไปด้วยจิตสังหารเกรี้ยวกราด พุ่งตรงเข้าหาร่างของมู่หรูเยว่อย่างรวดเร็ว
ในขณะนั้นเอง มือคู่หนึ่งดึงร่างของมู่หรูเยว่เข้ามาในอ้อมกอด จากนั้นเหยียนจิ้นแกว่งมือของเขา และส่งลำแสงสีดำพุ่งเข้าหาเฟิ่งจิงเทียน
เมื่อพลังทั้งสองประทะกัน ภูเขาทั้งลูกพลันสั่นสะเทือนอยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง
"สาวน้อย มอบบัวหิมะเก้ากลีบให้ข้า" เหยียนจิ้นจ้องมองไปยังปีศาจเจ้าเล่ห์ที่ยืนอยู่ไม่ไกล ใบหน้าหล่อเหลาของเขาดูขาวซีดเล็กน้อย
ชายผู้นี้เป็นยอดฝีมือ!
ถึงแม้มู่หรูเยว่ไม่รู้ว่าเหยียนจิ้นต้องการจะทำอะไร แต่นางก็ยังส่งบัวหิมะเก้ากลีบให้เขา เหยียนจิ้นไม่พูดพร่ำทำเพลง เขารับบัวหิมะเก้ากลีบดอกนั้นมาและกลืนมันลงไป ตูม! พลังปราณที่เกรี้ยวกราดเอ่อล้นไปทั่วทั้งร่าง ส่งผลให้ระดับความแข็งแกร่งของเขาเลื่อนระดับขึ้นทันที
"สัตว์อสูรที่กลายร่างเป็นมนุษย์งั้นหรือ..." เฟิ่งจินเทียนหรี่ตาทั้งสอง หญิงสาวผู้นี้มีสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งอยู่ในครอบครอง ดูเหมือนว่าเขาจะประเมินนางต่ำเกินไป แต่เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วยิ่งน่าสนใจไม่ใช่หรือ?
"ข้าเริ่มรู้สึกว่าเจ้าน่าสนใจมาก"
เฟิ่งจินเทียนพลันหัวเราะออกมา นัยน์ตาของเขาจ้องตรงไปที่มู่หรูเยว่
"น่าเสียดายที่ข้าไม่มีทางสนใจคนอย่างท่าน" ใบหน้าของมู่หรูเยว่เคลือบไปด้วยความเย็นชา พลางเอ่ย "เหยียนจิ้น อย่าฆ่าเขา ข้าอยากรู้ว่าใครบงการอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้"
ความจริงแล้วไม่จำเป็นต้องไต่สวนหรือทรมานให้เสียเวลา นางก็คาดเดาได้อยู่แล้วว่ามีเพียงคนตระกูลมู่เท่านั้นที่สามารถทำเรื่องเช่นนี้ได้
เหยียนจิ้นหรี่ตาจ้องมองอย่างไร้ความรู้สึก เขาพุ่งร่างไปยังด้านข้างของเฟิ่งจิ่งเทียน พร้อมกับชักดาบโค้งสีดำเล่มหนึ่งออกมา
ดาบโค้งเล่มนั้นส่องประกายพุ่งเข้าสู่ด้านข้างของเฟิ่งจิงเทียน เฟิ่งจิ่งเทียนเคลื่อนกายไปด้านข้าง หลบการโจมตีนั้นได้อย่างฉิวเฉียด
ฮึ่ม!
เหยียนจิ้น แค่นเสียงอย่างเย็นชา เมื่อเห็นว่าการโจมตีครั้งแรกไม่เป็นผล เขาเพิ่มพลังในการโจมตีมากยิ่งขึ้น
มู่หรูเยว่ที่ยืนอยู่เบื้องหลัง จ้องมองการโจมตีอย่างดุเดือด ไม่รู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่ ในขณะที่นางกำลังเหม่อลอยนั้น เฟิ่งจิ่งเทียนพบจุดอ่อนโจมตีเข้าใส่เหยียนจิ้น และฉวยโอกาสที่เหยียนจิ้นหลบการโจมตีนั้น เงาร่างสีแดงพลันพุ่งเข้าหามู่หรูเยว่อย่างรวดเร็ว
"หยุดมือ!" เหยียนจิ้นตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด นัยน์ตาของเขาแดงฉานราวกับย้อมไปด้วยเลือด
ผู้ใดกล้าทำร้ายนางแม้เพียงเศษเสี้ยว เขาจะสับร่างคนผู้นั้นเป็นพันๆชิ้น!
สายลมพัดผ่านมาวูบหนึ่ง ทำให้ผมสีดำสนิทพัดไหวไปตามลม เผยให้เห็นรอยปานสีแดงรูปผีเสื้อที่หลังใบหูของมู่หรูเยว่ ทันทีที่เห็นปานสีแดงนั้น เฟิ่งจิงเทียนพลันชะงักงันกลางอากาศ
โครม!
ทันทีที่เฟิ่งจิงเทียนชะงัก เหยียนจิ้นฉวยโอกาสเตะเขาที่กลางอก ส่งร่างของเขากระเด็นไปกระแทกกับต้นไม้
"สามปีก่อนที่ข้าบาดเจ็บสาหัส และบุกรุกเข้าไปยังจวนตระกูลมู่ เป็นเจ้าที่ช่วยชีวิตข้าใช่หรือไม่?"
ต้องเป็นปานแดงนั้นแน่ๆ...
ในตอนที่สติสัมปชัญญะของเขากำลังเลือนลาง เขาเห็นเด็กสาวที่มีปานแดงรูปผีเสื้อช่วยทำแผลให้เขาก่อนที่จะหมดสติไป เมื่อเขารู้สึกตัวอีกครั้งก็ได้พบกับมู่อี้เสี่ย ตระกูลมู่
ดังนั้น เขาจึงเข้าใจว่ามู่อี้เสี่ยเป็นคนช่วยชีวิตเขา
"สามปีก่อน?" มู่หรูเยว่ขมวดคิ้ว ดูเหมือนว่ามีเหตุการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้นในความทรงจำของนางจริง ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดนางจึงรู้สึกว่าเขาดูคุ้นเคยยิ่งนัก แต่ไม่ว่าเจ้าของร่างคนก่อนหน้าจะเคยทำอะไรลงไป ย่อมไม่เกี่ยวข้องกับนาง
------
TL: อยู่ตจว.ค่ะ เที่ยววันหยุดยาวกันให้สนุกค่อยมาอ่านต่อกันนะคะ ไม่รับปากว่าจะมีเวลาแวบมาโพส
ปล. มีเพื่อนเสนอให้เปลี่ยนจากคฤหาสน์เป็นจวน รู้สึกตัวเองโก๊ะมาก โอยทำไมนึกคำนี้ไม่ออก *กราบงามๆ*
posted from Bloggeroid
สัตว์อสูรนางเอกทำไมมันอ่อนด๋อยจังเลย
ReplyDeleteจิงเทียนนี่วรยุทธ์ขั้นไหนหนอ
ReplyDeleteถึงดูแข็งแกร่งกว่าเหยียนจิ้งสัตว์อสูรได้
สัตว์อสูร อึส่าจะเทพ ล่ะ ยังจะพลาดดอี๊กกก
ReplyDeleteท่าทางท่าผู้เฒ่าจะโดนกดพลังไว้เยอะจริงๆ มนุษย์ที่เก่งหน่อยถึงทำไรไม่ค่อยได้แล้ว
ReplyDeleteท่องเที่ยวเป็นกำไรชีวิต เที่ยวต่อไปค่ะ
ReplyDelete