Pages

Last Modified: Saturday, October 29, 2016

หมอยาเจ้าเสน่ห์: จอมใจราชาปีศาจ บทที่ 01-03

บทที่ 1 คนไร้ค่า

ณ จวนตระกูลมู่ 
แสงอาทิตย์ยามเย็นปกคลุมไปทั่วทั้งสวนหลังบ้าน สาดสะท้อนใบไม้เป็นประกายอ่อนๆ เวลาในยามนี้ช่างเงียบสงบมีเพียงเสียงใบไม้กรอบแกรบตามสายลม
ฝ่าบาท เราทำแบบนี้จะดีหรือ อย่างไรท่านก็ยังหมั้นหมายอยู่กับพี่ใหญ่ของข้า เด็กสาวเงยหน้าที่เป็นสีแดงเรื่อขึ้นอย่างเอียงอาย ขณะเอนร่างขาวบริสุทธิ์บอบบางพิงแผงอกล่ำสันของชายหนุ่ม “หากเรื่องนี้รู้ถึงหูพี่ใหญ่ขึ้นมาล่ะก็..."
เจ้ากำลังพูดถึงคนไร้ค่าคนนั้นหรือ?” ชายหนุ่มขมวดคิ้วเข้าหากัน ใบหน้าหล่อเหลาของเขาฉายแววรังเกียจอยู่ครู่หนึ่ง พลางเอ่ย "ยามที่เราอยู่ด้วยกัน อย่าได้เอ่ยถึงหญิงน่ารังเกียจผู้นั้น เรื่องการหมั้นหมายนั้นไม่มีความหมายอะไรกับข้า สุดท้ายแล้วก็ต้องถอนหมั้นอยู่ดี หญิงไร้ค่านางนั้นจะมาเป็นชายาของเราได้อย่างไร? ถิงเอ๋อร์ เชื่อข้านะ วันหนึ่งข้าจะมอบฐานะที่ถูกต้องให้แก่เจ้า มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่คู่ควรกับข้า!"
ฝ่าบาท... นัยน์ตาของมู่ถิงเอ๋อร์ทอประกายด้วยความซาบซึ้ง จากนั้นก็เอ่ยขึ้นอย่างลำบากใจ "นี่มันไม่โหดร้ายกับพี่ใหญ่เกินไปหรือ ถึงอย่างไรนางก็เป็นพี่ใหญ่ของข้า
เมื่อได้ยินดังนั้น ชายหนุ่มยิ่งโอบกอดนางแน่นขึ้น พลางเอ่ยอย่างอ่อนโยน ถิงเอ๋อร์ เจ้าช่างจิตใจดีเหลือเกิน นับเป็นวาสนาของนางแล้วที่ได้เจ้าเป็นน้องสาว หากนางไม่รู้จักแยกแยะดีชั่วก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ!
มู่ถิงเอ๋อร์มีน้ำตารื้นขึ้นเล็กน้อย นางก้มศีรษะลงซบอกของชายหนุ่ม ขณะเดียวมุมปากก็ยกยิ้มอย่างเย็นชาที่แผนของเธอสำเร็จ
ในตอนนั้นเอง พวกเขาได้ยินเสียงกรีดร้องดังขึ้น
อ๊ะ! พวกเจ้า... พวกเจ้าสองคน...
มู่หรูเยว่ยกมือปิดปาก นางจับจ้องมองภาพบัดสีเบื้องหน้าอย่างไม่เชื่อในสายตา คนทั้งสองถูกจับได้ในสภาพเปลือยเปล่า ในชั่วขณะนั้นหัวใจของนางเหมือนถูกทิ่มแทงอย่างโหดร้าย น้ำตาไหลรินอย่างสุดกลั้น
ชายหนุ่มทำหน้าบึ้งตึงขณะใช้เสื้อผ้าชิ้นหนึ่งมาปิดบังร่างเปลือยเปล่าของพวกเขาทั้งสอง จากนั้นก็จ้องมองมู่หรูเยว่ด้วยสีหน้ารังเกียจอย่างไม่ปิดบัง

"เราเคยบอกแล้วใช่ไหมว่า เจ้าอย่าได้มาเพ่นพ่านใกล้สายตาเรา! ยามนี้เจ้ายังกล้ามารบกวนถิงเอ๋อร์กับเราอีก หากเจ้าไม่ได้เป็นคนของตระกูลมู่แล้วล่ะก็ เราคงไม่ปล่อยให้เจ้ามีชีวิตรอดถึงวันพรุ่งนี้แน่!"
ยิ่งเห็นท่าทางปกป้องมู่ถิงเอ๋อร์ไว้ในอ้อมกอดของชายหนุ่มแล้ว มู่หรูเยว่ยิ่งขบริมฝีปากแน่น นัยน์ตาของเธอแดงก่ำและเต็มไปด้วยน้ำตาที่เกิดจากความคับข้องใจ
คำพูดของเขาเปรียบเหมือนดาบคมๆทิ่มแทงเข้าที่หัวใจเธออย่างไร้ปราณี ทำให้นางรู้สึกทุกข์ทรมานจนไม่อยากมีชีวิตต่อ

ในหัวใจของเขานั้น นางเป็นเพียงคนไร้ความสำคัญ แล้วเหตุใดตอนที่นางอายุไม่ถึงห้าขวบ ชายหนุ่มผู้นี้ถึงได้อ่อนโยนกับนางเหลือเกิน? หากไม่เป็นเพราะความอ่อนโยนในตอนนั้น นางคงไม่หลงรักเขาจนถอนตัวไม่ขึ้น

อย่างไรก็ตาม หลังจากการทดสอบพรสวรรค์เมื่อตอนห้าขวบ นางก็พบความจริงว่าชีพจรของนางถูกปิดกั้น กลายเป็นคนไร้ค่าที่ไม่อาจฝึกฝนวรยุทธ์ได้ และความอ่อนโยนนั้นก็จากไปนับแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา 
พี่เฟิง...
หุบปากซะ!
เสียงตะคอกนั้นทำมู่หรูเยว่สะดุ้งไปทั้งตัว นางไม่รู้ว่าตัวเองพูดอะไรผิดไป นางจ้องมองใบหน้าที่ราวกับเถ้าถ่านของเขาอย่างคับข้องใจ
เย่เทียนเฟิงจ้องมองเด็กสาวที่น้ำตานองหน้าอย่างรังเกียจ แค่นเสียงเย็นชา มู่หรูเยว่ เจ้ามีอะไรที่เทียบเคียงกับถิงเอ๋อร์ได้บ้าง? เจ้าไม่คู่ควรกระทั่งเปรียบเทียบกับรองเท้าของนางด้วยซ้ำ!
ฝ่าบาท... มู่ถิงเอ๋อร์เอ่ยรั้งเย่เทียนเฟิง ฝ่าบาท ได้โปรดหยุดเถอะ นี่เป็นความผิดของข้าเอง ข้าไม่ควร ไม่ควรเห็นด้วยกับฝ่าบาท ถิงเอ๋อร์คิดมาตลอดว่าความรักของเราได้รับการยอมรับจากทุกคน แต่กลับหลงลืมพี่ใหญ่ที่มีความรักอย่างลึกล้ำต่อท่าน ฝ่าบาท ขอร้องท่านอย่าทำร้ายพี่ใหญ่อีกเลย พี่ใหญ่นางเป็นคนดี...
น้ำตาหยดหนึ่งไหลรินตามใบหน้างดงามของนางทำให้เย่เทียนเฟิงรู้สึกปวดใจ

บทที่2 พวกเขาต่างหากที่เป็นครอบครัว

ถิงเอ๋อร์! เขากุมมือของเธอแน่น เอ่ยอย่างลึกล้ำ ตั้งแต่เจ้ามอบกายให้ข้าเมื่อเดือนก่อน ข้าก็สาบานว่าจะแต่งงานกับเจ้า! อย่างไรก็ตามการหมั้นหมายของนางผู้นี้กับข้าเป็นประสงค์ของเสด็จปู่ ข้าต้องใช้เวลาซักหน่อยเพื่อโน้มน้าวให้เสด็จปู่ยอมเปลี่ยนใจ เชื่อข้าเถอะ อีกไม่นานเจ้าจะได้เป็นชายาของข้าอย่างถูกต้อง
ภาพเหตุการณ์ตรงหน้าทำร้ายจิตใจมู่หรูเยว่อย่างแสนสาหัส นางจับจ้องมู่ถิงเอ๋อร์อย่างเคียดแค้น พลางเอ่ย มู่ถิงเอ๋อร์ เจ้าเป็นแค่เด็กที่ถูกรับมาเลี้ยง ขณะที่ข้าเป็นคุณหนูที่สืบสายเลือดจากตระกูล! หวังว่าเจ้าจะเข้าใจสถานะของตัวเองดี!” 
เพี๊ยะ!!
เมื่อพูดจบ ฝ่ามือก็กระทบใบหน้านางอย่างรุนแรง
ร่างของมู่หรูเยว่พลันสั่นเทา เธอกอบกุมใบหน้าข้างที่เป็นปื้นสีแดงพลางหันศีรษะไปมอง นางจับจ้องชายวัยกลางคนที่อยู่ข้างๆอย่างไม่คาดคิด ท่านพ่อ ทำไมท่านถึง...
ไร้มารยาท! ใครอนุญาตให้เจ้าพูดจากับถิงเอ๋อร์ด้วยกริยาเช่นนี้?” ชายวัยกลางคนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา ทำราวกับว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้านั้นไม่ใช่ลูกสาวของตัวเอง แต่เป็นเพียงสาวใช้ที่จะรังแกยังไงก็ได้
ท่านพ่อ ข้าเป็นลูกสาวท่านนะ! มู่หรูเยว่เอ่ย น้ำเสียงสั่นเทาด้วยอารมณ์ นางเอ่ยต่อทั้งที่น้ำตานองหน้า นางเป็นแค่เด็กเก็บมาเลี้ยง ทำไมท่านพ่อถึง….”
ลูกสาวงั้นหรอ?” ชายวัยกลางคนเอ่ยน้ำเสียงขึ้นจมูก มีลูกสาวเช่นเจ้าทำให้ข้าอับอายไปชั่วชีวิต! ต่อให้ถิงเอ๋อร์เป็นเด็กเก็บมาเลี้ยง พรสวรรค์ของนางก็โดดเด่น นางเป็นความภาคภูมิใจของข้า! เจ้าคิดว่าเจ้ามีค่าคู่ควรกับรัชทายาทจิ่งหรอ? บอกตามตรง ข้าเป็นคนสนับสนุนพวกเขาเอง ไม่อย่างนั้นเจ้าคิดว่าทำไมถึงยังไม่มีใครโผล่มาที่นี่ล่ะ
ราวกับโดนสายฟ้าฟาด ร่างกายของมู่หรูเยว่สั่นเทาไม่หยุด นางขบริมฝีปาก จ้องมองน้องสาวร่วมสายเลือดของนาง
พี่ถิงเอ๋อร์ พี่เป็นอะไรไหม?”
ในตอนนั้นเอง มู่อี้เสี่ย น้องสาวร่วมสายเลือดของมู่หรูเยว่นั้น ทำประหนึ่งว่าพี่สาวของนางไม่มีตัวตน เดินผ่านนางไปและหยุดอยู่ข้างกายมู่ถิงเอ๋อร์ที่ใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตา

พี่ถิงเอ๋อร์ วางใจเถอะ เสี่ยเอ๋อร์และท่านพ่อจะปกป้องท่านเอง พวกเราไม่มีทางยอมให้คนผู้นั้นขโมยสามีของท่านแน่นอน มู่อี้เสี่ยหัวเราะอย่างน่ารัก ก่อนที่จะเหลือบตามองมู่หรูเยว่ด้วยสายตารังเกียจ นางเอ่ยต่อ ยิ่งไปกว่านั้น ในตระกูลมู่ ข้ามีมู่ถิงเอ๋อร์เป็นพี่สาวเพียงคนเดียว คนไร้ค่าอย่างนางไม่คู่ควรเป็นพี่สาวของข้า ไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมท่านแม่ถึงให้กำเนิดคนไร้ค่าอย่างนางได้ นางไม่มีค่าคู่ควรที่จะเป็นบุตรสาวตระกูลมู่!
ท่านพ่อ เสี่ยเอ๋อร์...
มู่ถิงเอ๋อร์จับจ้องคนทั้งสองอย่างตื้นตัน ไม่มีใครสังเกตรอยยิ้มมุมปากของนางในตอนนั้น
มู่หรูเยว่ ข้าเคยสาบานว่าข้าจะยึดทุกอย่างที่เคยเป็นของเจ้า! โทษตัวเองที่เกิดเป็นคุณหนูของบ้าน ในขณะที่ข้าเป็นเพียงเด็กเก็บมาเลี้ยงเถอะ สาเหตุหลักที่เด็กสาวที่เจ้ามองว่ามีฐานะต่ำต้อยกว่าสามารถข้ามหน้าข้ามตาเจ้าจนมีวันนี้ได้ก็เพราะเจ้ามันคนไร้ค่าไม่อาจฝึกฝนวิชา... เป็นไปไม่ได้ที่เจ้าจะสงสัยว่าทำไมเจ้าถึงกลายเป็นแบบนี้ ตอนที่เจ้าอายุห้าขวบ ก่อนการทดสอบข้าได้วางยาพิษลงในอาหาร ยิ่งไปกว่านั้นไม่มีใครคิดสงสัยว่าเด็กอายุสี่ขวบอย่างข้าจะคิดแผนการอย่างนั้นขึ้นมาได้
มู่หรูเยว่รู้สึกหนาวจับขั้วหัวใจเมื่อมองภาพครอบครัวสุขสันต์ตรงหน้า พลันรู้สึกได้ว่านางเป็นเพียงคนนอก
ฮ่า ฮ่า ฮ่า
เธอหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ขณะพุ่งเข้าชนต้นไม้ก็ยังหัวเราะไม่หยุด 
การกระทำชั่ววูบของนางสร้างความตกตะลึงให้ทุกคน มู่ถิงเอ๋อร์รู้สึกประหลาดใจที่สุดด้วยไม่คิดว่านางจะบีบบังคับจนพี่สาวบุญธรรมถึงแก่ความตาย ถ้ารีบตายเสียตอนนี้ก็น่าเบื่อแย่น่ะสิ!?
ตอนที่นางตั้งใจจะเข้าไปห้ามปรามพี่ใหญ่ ชายวัยกลางคนกลับยกมือห้ามนางไว้
“หากนางอยากตายนักก็ปล่อยให้นางตาย ถือซะว่าข้าไม่เคยมีลูกสาวอย่างนาง

บทที่3 วิญญาณจากหัวเซี่ย


ตึง!
เมื่อศีรษะของมู่หรูเยว่กระแทกกับต้นไม้ เลือดก็ไหลออกมาไม่หยุด ริมฝีปากคลี่ยิ้มอย่างโล่งใจ
ในที่สุด ข้าก็ไม่ต้องทนฟังคำพูดที่ทำร้ายจิตใจของพวกเขาต่อไป’ 
นางค่อยๆหลับตาลง หยาดน้ำตาระยิบระยับยังคงคลออยู่ที่หางตา
“พวกเราไปกันเถอะ
ชายวัยกลางคนชำเลืองมองร่างเด็กสาวที่นอนจมกองเลือดด้วยหางตา ท่าทางของเขาเย็นชาราวกับเป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับตน
เย่เทียนเฟิงสะท้านกายเล็กน้อย เมื่อเห็นความเลือดเย็นของผู้เป็นบิดา  อย่างนั้นก็เถอะ ใครใช้ให้มู่หรูเยว่เกิดมาเป็นคนไร้ค่ากันเล่า?
เมื่อเปรียบเทียบกับเด็กสาวที่เปี่ยมด้วยพรสวรรค์อย่างถิงเอ๋อร์ เด็กสาวคนนั้นถูกกำหนดให้ไม่มีค่าพอที่จะเป็นทางผ่านของน้องสาวด้วยซ้ำ
แต่ในชั่วขณะนั้น เด็กสาวที่เสียชีวิตไปแล้วพลันลืมตาและลุกขึ้นยืน ฉับพลันสายตาเย็นเยียบจับจ้องไปยังกลุ่มคนที่กำลังเดินจากไป
นางจำได้ว่าตัวเองถูกลอบทำร้ายโดยตระกูลกู่ที่ภูเขาฉางไป๋ นางปกป้องตำราโอสถโบราณจนตายตกไปพร้อมกับศัตรู หลังจากนั้นนางรู้สึกเหมือนถูกพัดพาด้วยสายลมหอบหนึ่ง...
ที่นี่คือที่ไหนกัน?
ทันใดนั้น ความทรงจำที่ไม่ได้เป็นของตัวเองก็พุ่งเข้ามาในสมอง นางรู้สึกเจ็บปวดราวกับศีรษะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ นางขมวดคิ้วประคองที่ศีรษะตัวเองด้วยมือทั้งสองข้าง..
เฉินอู่?’
ข้าไม่ได้อยู่ที่ หัวเซี่ยงั้นหรือ? แล้วเฉินอู่นี่มันเป็นที่แบบไหนกัน?’
อย่างไรก็ตาม จากความทรงจำนางรู้ว่าสถานที่แห่งนี้ยกย่องวิทยายุทธ์ ขั้นตอนการฝึกซ้อมไม่ต่างอะไรกับที่หัวเซี่ย ใช้จุดตันเถียนเพื่อสะสมพลังปราณและใช้ยาเพื่อสนับสนุนควบคู่กันไป ระดับขั้นของทักษะวิชาก็ไม่ต่างกัน
นางครอบครองร่างของคนที่มีชื่อแซ่เดียวกับตน เด็กสาวผู้ไร้ค่าเนื่องจากชีพจรถูกปิดกั้น และตายหลังจากทนรับความเจ็บปวดไม่ไหว
ที่หัวเซี่ย มู่หรูเยว่เป็นผู้ฝึกวิทยายุทธ์มาตลอด สำหรับผู้ที่ฝึกฝนวิทยายุทธ์โบราณไม่มีเรื่องอะไรที่เป็นไปไม่ได้ หลังจากรู้สึกตกใจกับเรื่องราวทั้งหมดอยู่ครู่หนึ่ง นางก็ยอมรับความจริงอย่างรวดเร็ว
นางกลับมาเกิดใหม่! ในร่างของคนไร้ค่า เท่านั้นเอง...
พี่ใหญ่ พี่ พี่ยังไม่ตาย?” มู่ถิงเอ๋อร์ร่างกายสั่นสะท้าน ใบหน้างามฉายแววยินดี ดีจริงๆเลย ข้านึกว่าพี่…”
สายตาเย็นเยียบจับจ้องเด็กสาวที่เสแสร้งยินดี มู่หรูเยว่ตอบกลับ ยังมีธุระอะไรกับข้าอีก? ถ้าไม่มีก็หลีกทางซะ!
ข้า…” มู่ถิงเอ๋อร์ขบริมฝีปาก หยดน้ำตาจากความขุ่นเคืองปรากฏที่หางตา ข้าแค่เป็นห่วงพี่ใหญ่ ถ้าข้าทำอะไรผิดไปหวังว่าพี่ใหญ่จะไม่โกรธข้า
ท่าทางของนางดูน่าสงสาร ราวกับดอกไม้ดอกเล็กๆสีขาวบริสุทธิ์ที่ดูน่าทะนุถนอม
ชายวัยกลางคนมีอารมณ์ขุ่นมัว มู่หรูเยว่ นี่คือท่าทีที่เจ้าควรปฏิบัติต่อน้องสาวงั้นหรือ? เสียทีที่ถิงเอ๋อร์อุตส่าห์เป็นห่วง เจ้ามันไม่คู่ควรต่อความรู้สึกของนางเลยแท้ๆ!"
น้องสาว?” มู่หรูเยว่หัวเราะอย่างขมขื่น ข้าไม่เห็นจำได้เลยว่าท่านแม่ให้กำเนิดน้องสาวอย่างนาง!
มู่ถิงเอ๋อร์ชะงักงัน นี่เป็นเรื่องเจ็บปวดที่สุดในชีวิตที่เป็นเพียงลูกบุญธรรมของตระกูลมู่ ไม่ใช่คุณหนูที่สืบสายเลือดของตระกูล ถ้าไม่เป็นเพราะโรคที่รักษาไม่หายของบิดา และถ้าบิดาไม่สละชีวิตของตัวเองเพื่อช่วยนายหญิงตระกูลมู่เพื่อเป็นหลักประกับว่าลูกสาวของตนจะได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย เป็นไปไม่ได้เลยที่บิดาบุญธรรมของเธอจะรับเลี้ยงเด็กสาวที่ไร้หนทางอย่าง ถิงเอ๋อร์
นับจากนั้นเป็นต้นมา นางก็สาบานว่าวันหนึ่งเธอจะปฏิบัติตนให้เหนือกว่าผู้อื่นอย่างชอบธรรม และต้องได้รับการปฏิบัติเฉกเช่นเดียวกับคุณหนูตัวจริงของตระกูลมู่
และมู่หรูเยว่มักจะนำเรื่องนี้มาทำร้ายเธอทุกครั้งที่สบโอกาส!
นางมีอะไรดี? นอกจากสืบสายเลือดจากตระกูลมู่ นางก็แค่คุณหนูไร้ค่าคนหนึ่งเท่านั้น!


4 comments:

  1. ให้ตายสิ อ่านมารอบที่สี่แล้วยังโกรธไอ่พวกนี้อยุ่เลยครับ พ่อเลวลูกมันก็เลว

    ReplyDelete
  2. โกรธมากคะ ฮึมมมมม

    ReplyDelete
  3. อื้มหืมมมม 4ขวบทำตัวร้ายได้ขนาดนั้น ไม่มีใครรู้ด้วย?! แล้วหายาพิษมาจากไหน จะเวอร์เกินไปแล้วม้างงงงง

    ReplyDelete