**บทที่ 113 เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า**
เหยียนจิ้นเงยหน้ามองแผ่นหลังของมู่หรูเยว่ด้วยสายตาขุ่นเคือง หญิงสาวผู้นี้นอกจากทอดทิ้งเขาแล้ว ยังโยนเขาให้กับผู้ชายอื่นอีก นี่นางไม่รู้หรืออย่างไรว่าเขา เหยียนจิ้น ชมชอบสาวงาม มิใช่บุรุษเพศ?
อย่างไรก็ตาม…
เหยียนจิ้นจ้องมองเย่อู๋เฉินพลางขมวดคิ้วหากันเล็กน้อย เหตุใดเขาจึงรู้สึกถึงกลิ่นอายของกุ่ยหวังอู๋เฉิน จากร่างของชายผู้นี้?
จมูกของสัตว์อสูรนั้นไวต่อกลิ่นเป็นอย่างมาก แค่เพียงได้กลิ่นก็สามารถแยกแยะตัวตนอีกฝ่ายได้ทันที
เมื่อเป็นเช่นนี้เขาควรบอกสาวน้อยดีหรือไม่? แต่ชายหนุ่มผู้นี้เพิ่งเอ่ยเมื่อครู่ว่าสาเหตุที่ไม่อยากให้นางรู้นั้นก็เพื่อความปลอดภัยของตัวนางเอง ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจว่าจะเก็บเรื่องนี้ไว้ชั่วคราว
“หลิงเย่ เตาวิหคเพลิงอยู่ในมือข้า หากเจ้าสามารถก็มาเอาไป” ใบหน้าเย็นชาของมู่หรูเยว่เชิดขึ้น พลางจ้องมองหลิงเย่ด้วยสายตาดูแคลน
หลิงเย่เผยรอยยิ้มที่ชวนขนลุก นัยน์ตาของเขาเปล่งประกายเย็นชา “ในเมื่อเจ้าไม่รู้ผิดชอบชั่วดี อย่างนั้นอย่าหาว่าข้าเสียมารยาท! ข้าต้องนำเตาวิหคเพลิงมาให้ได้”
ตูม!
กลิ่นอายแกร่งกล้าพรั่งพรูออกมาจากร่างของหลิงเย่ พุ่งเข้าใส่มู่หรูเยว่อย่างรุนแรง ด้วยจิตสังหารของเขาแผ่ออกมาจากร่าง กระบี่ในมือของเขาวาดผ่านอากาศ ฝุ่นทรายบนพื้นก็ลอยคละคลุ้งอยู่ในอากาศด้วยแรงลมที่เกิดจากอานุภาพของกระบี่ในทันใด
เคร้ง!
เคร้ง เคร้ง เคร้ง!
ร้านค้าข้างทางต่างก็ล้มระเนระนาดเสียหายด้วยกระบี่ของเขา ผู้คนที่ยืนมองเหตุการณ์ต่อสู้อยู่นั้น ต่างก็ล้มเลิกความตั้งใจ ลนลานวิ่งหนีตายกันจ้าละหวั่น
แน่นอนว่ายังมีผู้คนบางส่วนไม่กลัวตาย ยังคงยืนจับจ้องเหตุการณ์อยู่ไม่ไกล
มู่หรูเยว่ยังคงมีสีหน้าราบเรียบ นางชักกระบี่ออกมาตั้งรับการโจมตีของหลิงเย่ ในชั่วขณะที่กระบี่ของนางและกระบี่วายุของหลิงเย่ประทะกันนั้น นางรู้สึกได้ถึงพลังแข็งแกร่งที่พุ่งเข้ากระแทกอวัยวะภายใน มุมปากของนางมีเลือดซึมออกมาเล็กน้อย
ระดับความแข็งแกร่งของหลิงเย่ กับนางนั้นยังห่างชั้นอีกไกล...
“เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า” หลิงเย่เงยศีรษะขึ้น เขาจ้องมองมู่หรูเยว่อย่างหยิ่งผยอง
“อย่างนั้นเองหรอกหรือ?” มู่หรูเยว่แค่นเสียงเย็นชา นางแบมือออก เผยให้เห็นขวดกระเบื้องจำนวนหนึ่งในฝ่ามือของนาง นางใช้นิ้วโป้งดันฝาขวดออก นำยาจากแต่ละขวดออกมาและกลืนลงไป
“ยาเสริมความแข็งแกร่ง ยาเสริมป้องกัน ยาเสริมความเร็ว ยาเสริมลมปราณ…”
สีหน้าของหลิงเย่เปลี่ยนกระทันหัน
เขาลืมคิดไปได้อย่างไรว่านางสามารถใช้ยาช่วยเสริมการต่อสู้ได้ ยาทั่วไปนั้นจำเป็นต้องรอสักระยะหนึ่งจึงจะออกฤทธิ์ แต่ยาของเด็กสาวผู้นี้สามารถออกฤทธิ์ได้ทันที
นั่นหมายความว่า ในชั่วขณะที่นางกลืนยาลงไป ฤทธิ์ของยาก็จะแสดงผลออกมาทันที
หลังจากที่ยาต่างๆถูกมู่หรูเยว่กลืนลงไป ทั่วทั้งร่างของนางพลันแข็งแกร่งและรวดเร็วดุจลูกธนูคมกริบดอกหนึ่ง นางพุ่งเข้าหาหลิงเย่ กระบี่ในมือนางเปล่งประกายสีแดงจางๆ ประกายแสงนั้นขยายขนาดขึ้นเรื่อยๆ แทบจะครอบคลุมร่างของนางไปทั่วทั้งร่าง
หลิงเย่รู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อย เขาไม่กล้าดูแคลนความสามารถของมู่หรูเยว่ในยามนี้ เขารีบยกกระบี่เพื่อต้านทานการโจมตีของนาง ในขณะที่กระบี่ทั้งสองประทะกัน คนทั้งสองต่างผละออกจากกันเล็กน้อย
ในยามนี้หลิงเย่รู้สึกเจ็บหนึบที่ปลายนิ้ว เขารับรู้ได้ถึงรสคาวปร่าอันหอมหวานที่พุ่งขึ้นมาในคอ แต่เขาก็กลืนมันกลับลงไป
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เขาต้องไม่เผยจุดอ่อนให้คู่ต่อสู้เห็นอย่างเด็ดขาด
“ขนาดเจ้าใช้ยาแล้วยังมีความสามารถเพียงเท่านี้เองหรือ” หลินเย่แค่นเสียงเย็นชา พลางเอ่ย
มู่หรูเยว่ไม่เอ่ยอะไร ถึงแม้ว่านางจะกลืนยาลงไปแล้ว ความแข็งแกร่งของหลิงเย่ก็ยังเหนือกว่านาง เป็นผลให้อวัยวะภายในของนางได้รับบาดเจ็บ….
ถึงอย่างไรก็ตาม….
นัยน์ตาของนางหรี่ลงเล็กน้อย นางพุ่งกายเข้าหาหลิงเย่อีกครั้งอย่างรวดเร็ว กระบี่ของนางวาดจากด้านข้างราวกับประกายแสงสีแดง
หลิงเย่เคลื่อนกายหลบก่อนจะเสือกกระบี่ไปด้านหน้า พุ่งเข้าหามู่หรูเยว่ดุจมังกรทะยาน
ไรต์มาแล้ววววววววววววววววว หลินเยว่ แกเตรียมตัวตายได้เลย
ReplyDeleteเยี่ยมเลย ขอบคุณ
ReplyDeleteต้องสู้ดูก่อนสู้ไม่ได้ค่อยให้หนุ่มมาช่วย
ReplyDeleteต้องสู้ดูก่อนสู้ไม่ได้ค่อยให้หนุ่มมาช่วย
ReplyDeleteเหยียนจิ้นสายหมกนะจ๊ะ5555
ReplyDeleteดูก่อนใครจะเพลี่ยงพล้ำก่อนกัน
ReplyDeleteขอบคุณจร้าที่ไม่ลืมกัน
ReplyDeleteเยว่เอ๋อร์รีบเติมทรูด่วน
ReplyDeleteอื้อหือ.. มีใช้ยาก่อนสู้เหมือนในเกมส์เลย นึกภาพตอนเตรียมตัวก่อนลงดันเจี้ยน 55555
ReplyDeleteเย่วเอ๋อร์สู้ๆ
ReplyDelete