Pages

Last Modified: Saturday, October 29, 2016

หมอยาเจ้าเสน่ห์: จอมใจราชาปีศาจ บทที่ 16-18

บทที่16 วิกฤตการแต่งงาน ตอนที่1

ภายในท้องพระโรงที่หรูหราโอ่อ่า ชายชราในชุดปักลายมังกรสีเหลืองสว่างนั่งอยู่บนแท่นประทับซึ่งยกสูงขึ้นมา โดยมีหญิงงามหยาดเยิ้มผู้หนึ่งนั่งอยู่อยู่เคียงข้าง นางดูอ่อนเยาว์ อีกทั้งยังมีท่วงท่างดงามสะกดใจชายได้ทุกคนไม่เว้นกระทั่งฮ่องเต้สือเยว่ที่บัดนี้แก่ชราเกินจะกว่าจะทำเรื่องอย่างว่าบนเตียง
ตอนที่มู่หรูเยว่ก้าวเข้ามาในท้องพระโรง คนอื่นๆก็พากันจ้องมองนางอย่างสนใจ
ภายในท้องพระโรงนอกจากฮ่องเต้สือเยว่และหยากุ้ยเฟย สนมคนโปรดแล้ว ยังมีเหล่าขุนนาง เสนาบดี และเชื้อพระวงศ์รวมอยู่ด้วย
เป็นนาง
เย่อี้ฮวาลูบคางตน นั่นไม่ใช่สาวโชคร้ายที่กลายเป็นเบาะตอนเจ้านั่นกระโดดลงไปหรือจนถึงบัดนี้เขาก็ยังไม่อาจลืมเลือนแววตาคู่นั้นของนางได้
เด็กสาวผู้นี้น่าสนใจมาก... เสียดายก็แต่นางกลับเป็นคนไร้ค่าของเมืองเฟิ่งเฉิง...
ถวายบังคมฝ่าบาท” มู่ชิงคุกเข่าลง ใช้มือกระตุกมู่หรูเยว่ที่ยืนนิ่ง พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด “มัวอ้ำอึ้งอยู่ทำไม รีบคุกเข่าคำนับฝ่าบาท!
มู่หรูเยว่ยังคงยืนนิ่ง นัยน์ตาเย็นชาฉายแววดื้อดึง
สำหรับคนที่ใช้ชีวิตมาแล้วสองครั้ง คนที่นางยอมคุกเข่าให้มีเพียงสองคนเท่านั้น
คนแรกคืออาจารย์ที่สั่งสอนนางในชาติก่อน อีกคนคือท่านปู่ที่ดูแลนางจนเติบใหญ่ อีกทั้งยังมอบตำราเทพโอสถให้นาง
นอกจากคนทั้งสองแล้ว นางยอมตายดีกว่าที่จะยอมคุกเข่าให้ผู้อื่น
มู่หรูเยว่!
เมื่อเห็นสีหน้าถมึงทึงของฮ่องเต้ มู่ชิงเริ่มกระวนกระวาย ลอบตะโกนออกมาในใจ ‘ตั้งแต่เมื่อไรกันที่นังเด็กดื้อกลายเป็นคนดื้อด้านขนาดนี้หากนางอยากตาย ตายคนเดียวก็แล้วไป แต่นี่กลับคิดจะดึงคนทั้งตระกูลมู่มาตายตกไปตามกันด้วย!
บังอาจ! เรา…”
ฝ่าบาทเพคะ” ทันใดนั้น เสียงอ่อนหวานก็ดังจากด้านข้าง
ฮ่องเต้สือเยว่เลื่อนสายตาจากมู่หรูเยว่มาจับจ้องหญิงคนรักด้วยสายตาอ่อนโยน เขาเอ่ย “สนมรัก มีอะไรหรือ?”
ฝ่าบาท หม่อมฉันหิวแล้วเพคะ” จี้หรูหยาลูบหน้าท้องตัวเอง พลางคลี่ยิ้มอย่างเอียงอาย “หม่อมฉันอยากทานข้าวร่วมกับฝ่าบาท…”
ฮ่า ฮ่า!” ฮ่องเต้สือเยว่หัวเราะร่า เขาโอบจี้หรูหยาไว้ในอ้อมกอด พลางเอ่ยอย่างอ่อนโยน “ได้ เราจะรีบจัดการให้เสร็จโดยเร็วจะได้ทานข้าวกับสนมรัก
หม่อมฉัน ต้องขอบพระทัยฝ่าบาทแล้วเพคะ” จี้หรูหยาข่มความรังเกียจในใจ พลางคลี่ยิ้มสว่างไสวบนใบหน้างาม
ตอนที่ฮ่องเต้สือเยว่มัวสนใจอยู่กับสนมรัก จี้หรูหยาหันไปสบตามู่หรูเยว่ ลอบกระพริบตาให้ครั้งหนึ่ง มู่หรูเยว่ยิ่งมั่นใจว่าผู้หญิงคนนี้จงใจทำเพื่อช่วยนาง
ทำไม?’
แน่นอนว่านางไม่เคยรู้จักเธอมาก่อน ทำไมนางต้องช่วยข้าด้วย?’
เจ้าคือมู่หรูเยว่?” ฮ่องเต้สือเยว่จ้องมองร่างบอบบางของเด็กสาว เขาลอบถอนใจเงียบๆเมื่อเห็นว่า มู่หรูเยว่ แห่งตระกูลมู่นั้นมีรูปโฉมงดงามปานล่มเมืองเพียงใด ถ้านางไม่ได้เป็นคนไร้ค่า เฟิงเอ๋อร์คงไม่มีทางยกเลิกงานแต่งเป็นแน่
เพคะ” มู่หรูเยว่จ้องตาฮ่องเต้สือเยว่อย่างไม่เกรงกลัว
การกระทำของนางทำให้ฮ่องเต้สือเยว่ขมวดคิ้วไม่พอใจแต่ไม่พูดออกไป เขาใช้เสียงเย็นชาเอ่ย “ที่เราเรียกเจ้ามาเพราะต้องการหารือเรื่องหนึ่ง ก่อนหน้านี้เราคิดไม่รอบคอบจึงให้เจ้าตบแต่งกับรัชทายาทจิ่ง บัดนี้เราขอยกเลิกการหมั้นหมายนั้น และช่วยเจ้าเลือกสามีคนอื่น เหล่าองค์ชายและขุนนางที่ยืนอยู่ที่นี่ล้วนยังไม่ตบแต่งภรรยาเอก เจ้าคงไม่รู้สึกแย่นักหากต้องแต่งให้กับพวกเขา
ฟังคำตรัสของฮ่องเต้ เหล่าองค์ชายและขุนนางพากันถอยหลัง
ถึงแม้หญิงสาวผู้นี้จะมีโฉมงามปานล่มเมือง และยังเป็นถึงบุตรสาวตระกูลมู่ หากแต่งนางเข้าจวนแน่นอนว่าฐานะของนางจะต้องไม่ใช่แค่อนุ แต่พวกเขาจะยอมให้คนไร้ค่าอย่างนางเป็นภรรยาเอกได้อย่างไร?”
คนไร้ค่าย่อมไม่สามารถทำประโยชน์อะไรให้พวกเขาได้


บทที่17 วิกฤตการแต่งงาน ตอนที่2
ข้าเห็นด้วยกับการยกเลิกการแต่งงาน แต่…” มู่หรูเยว่กวาดตามองท่าทางหวาดหวั่นของเหล่าองค์ชายและขุนนาง พลางคลี่ยิ้ม “ไม่เพียงฝ่าบาทเป็นฝ่ายยกเลิกการแต่งงาน ข้า... มู่หรูเยว่เองก็ไม่ต้องการตบแต่งกับรัชทายาทจิ่งเช่นเดียวกัน รวมถึงเชื้อพระวงศ์คนอื่นๆด้วย!
มู่หรูเยว่!” มู่ชิงตวาด ‘นังเด็กดื้อคิดรนหาที่ตายถ้าอย่างนั้นก็อย่าคิดจะลากเขาไปด้วย เหล่าเชื้อพระวงศ์มีสถานะสูงส่งถึงเพียงไหนแค่ยินยอมให้นางตบแต่งเป็นชายาเอกของเชื้อพระวงศ์คนใดคนหนึ่งก็เป็นบุญของตระกูลมู่แล้ว ต่อให้พวกเขาให้นางเป็นอนุ มู่ชิงก็ไม่ปฏิเสธ นังเด็กดื้อที่ไม่รู้อะไรควรไม่ควรกลับกล้าพูดจาดูหมิ่นเหล่าเชื้อพระวงศ์ที่อยู่ที่นี่!
มู่หรูเยว่เหลือบมองมู่ชิง พลางยิ้มเยาะ ‘รู้จักกลัวด้วยเหมือนกันหรือทำไมไม่กลัวตั้งแต่ก่อนพาข้ามาที่นี่ล่ะ?’
ข้ามู่หรูเยว่เป็นคนมีศักดิ์ศรี บอกตามต้องข้ารังเกียจรัชทายาทจิ่ง ที่ทำเหมือนม้าพ่อพันธุ์ เที่ยวหว่านเมล็ดไปทั่ว ถ้าตาข้าไม่บอดก็คงไม่มีทางสนใจเขา!
ม้าพ่อพันธุ์… เที่ยวหว่านเมล็ดไปทั่ว?
เหล่าองค์ชายและขุนนางพากันตกตะลึง นั่นไม่ได้หมายรวมถึงพวกเขาด้วยหรอกหรือ?
เมื่อได้เห็นสีหน้ามืดทะมึนของฮ่องเต้สือเยว่ ยิ่งไม่มีผู้ใดกล้าเอ่ยปากพูดอะไรออกมา
คำพูดของเด็กสาวแทบทำให้จี้หรูหยาที่นั่งอยู่เคียงข้างฮ่องเต้สือเยว่ตบมือด้วยความชอบใจ ไม่จริงหรอกหรือนอกจากอ๋องหนานอันแล้ว ใครบ้างในเชื้อพระวงศ์ไม่ตบแต่งสามภรรยาสี่อนุสมแล้วที่เรียกคนพวกนั้นว่าม้าพ่อพันธุ์
อุ๊บ
ทันใดนั้น เสียงหัวเราะหลุดออกมาคลายความตึงเครียดของทุกคน  
เย่อี้ฮวาโบกพัดจีบพลางคลี่ยิ้ม “ขออภัยด้วย ข้าทนขำไม่ไหว มู่หรูเยว่ หากเจ้าไม่ใช่คนไร้ค่า ข้าย่อมแต่งงานกับเจ้าแน่นอน
ข้าบอกไปแล้วไม่ใช่หรือว่าไม่สนใจบรรดาม้าพ่อพันธุ์ ผู้ชายของข้าต้องมีข้าเพียงคนเดียวไม่ไปมั่วซั่วกับผู้หญิงอื่น และต่อให้ข้าเป็นคนไร้ค่า ข้าก็ไม่ยินดีแต่งงานกับท่าน
เย่อี้ฮวาหุบพัดจีบในมือ พลางเลิ่กคิ้ว “เสด็จพ่อ ลูกมีความคิดเห็น
อารมณ์ของฮ่องเต้ดูเงียบสงบ แต่สีหน้าของเขาดูมืดทะมึนราวกับเมฆดำ
ว่ามา
เสด็จพ่อ ท่านยังจำคนโง่ที่เป็นทายาทคนเดียวของเสด็จลุงได้หรือไม่คนผู้นั้นแทบไม่เคยคลุกคลีกับสตรีมาก่อน นอกจากแม่นมแก่ๆที่คอยรับใช้ข้างกายแล้วก็ไม่มีใครอีก เป็นไปได้ว่าเขาไม่เคยมีสัมพันธ์กับสตรีใดมาก่อน ในความคิดลูกคนโง่ผู้นั้นช่างเหมาะสมกับนางยิ่งนัก เหตุใดท่านไม่ส่งเสริมให้พวกเขาหมั้นหมายกัน?"
‘ญาติผู้น้องที่รักของข้า เจ้าสมควรของคุณข้าที่ส่งภรรยาที่ทั้งงดงามและดื้อด้านเช่นนี้แก่เจ้า
เมื่อคิดเช่นนี้ได้ เย่อี้ฮวาก็รู้สึกสนุกสนาน แต่เขาไม่รู้ว่าการตัดสินใจครั้งนี้ทำให้เขารู้สึกผิดไปชั่วชีวิต
เจ้ากำลังพูดถึงกุ่ยหวัง(อ๋องกุ่ย/ราชาปีศาจ)?” ฮ่องเต้สื่อเยว่ยิ้มเย็นเยือก เขาเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น ในเมื่อเขาไม่สามารถทำอะไรนางได้เนื่องจากเห็นแก่หน้าตระกูลมู่ เขาก็จะให้บทลงโทษเล็กๆน้อยๆกับนาง
ตกลง เราจะออกราชโองการ ภายในสามเดือนข้างหน้า ให้บุตรสาวตระกูลมู่ มู่หรูเยว่ ตบแต่งกับกุ่ยหวัง เย่อู๋เฉิน
กุ่ยหวัง?’
ความทรงจำเกี่ยวกับกุ่ยหวังค่อยๆโผล่ขึ้นในความคิดของมู่หรูเยว่
กุ่ยหวังเป็นบุตรชายคนเดียวของอ๋องหนานอัน อนุชาร่วมสายเลือดของฮ่องเต้สือเยว่
หากไม่เพราะอ๋องหนานอันเกิดหลังจากฮ่องเต้สือเยว่ถึงสามสิบปี บัลลังค์ของราชวงค์สือเยว่ย่อมต้องตกเป็นของเขา แต่โชคชะตากลับเล่นตลก ทำให้เขาไม่สามารถขึ้นครองราชย์ได้ในที่สุด
ที่น่าเหลือเชื่อไปกว่านั้น อ๋องหนานอันรักใคร่ชายาของเขามาก ชั่วชีวิตนี้แต่งงานกับชายาเพียงคนเดียว พวกเขามีบุตรชายด้วยกันคนหนึ่ง นามว่า เย่อู๋เฉิน
ตำแหน่งอ๋องหนานอันถูกส่งต่อให้กับเย่อู๋เฉิน อีกทั้งยังได้รับเพิ่มอีกตำแหน่งหนึ่ง นั่นคือ กุ่ยหวัง!
แน่นอนว่ากุ่ยหวังไม่ค่อยชอบออกไปไหนมาไหน มีเพียงแม่นมชราที่คอยดูแลเขา นอกเหนือจากบรรดาเชื้อพระวงศ์แล้ว ไม่มีใครรู้ว่ารูปร่างหน้าตาเขาคล้ายภูตผีจริงตามข่าวที่ลือกันหรือหรือไม่
มู่หรูเยว่ที่ตอนแรกไม่ต้องการเกี่ยวดองกับราชนิกูลนั้น เริ่มเปลี่ยนความคิดใหม่
ถ้านางย้ายเข้าไปอยู่ในตำหนักกุ่ย เป้าหมายของนางคงสำเร็จง่ายกว่าอาศัยอยู่ในตระกูลมู่ ที่นั่นเหมาะสมกับการฝึกวิทยายุทธ์ของเธอยิ่งกว่า...


บทที่18 ข้าเห็นว่าเจ้าสกปรก

ได้ ข้าตกลง
มู่หรูเยว่ยิ้ม ในเมื่อมีเพียงสองคนอาศัยอยู่ในตำหนักกุ่ย ย่อมไม่มีใครเข้ามารบกวนนาง แต่หากนางอยู่ในตระกูลมู่ต่อย่อมไม่สะดวกเท่าไหร่
หลังจากนางแข็งแกร่งขึ้น ต่อให้เป็นตำหนักองค์ชายก็ไม่อาจขัดขวางนางได้
มู่หรูเยว่ไม่รู้เลยว่าการตัดสินใจในครั้งนี้ จะทำให้ชะตาผูกติดกับคนผู้นั้นไปชั่วชีวิต พวกร้ายถูกลิขิตให้เคียงคู่กันไม่ว่าจะดีหรือร้ายชั่วนิจนิรันดร์
เราจะส่งราชโองการไปที่ตระกูลมู่ในเร็ววัน เหล่าขุนนางทั้งหลายถ้าพวกเจ้าไม่มีเรื่องอะไรอีกก็เลิกประชุมเพียงเท่านี้
ฮ่องเต้สือเยว่โบกมืออย่างรำคาญ เขาไม่อยากเสียเวลามากกว่านี้เพื่อที่จะร่วมทานมื้อเที่ยงกับสนมรัก
หลังเหล่าขุนนางและคนอื่นๆพากันเดินจากไป เย่อี้ฮวาก็เดินยิ้มมาหามู่หรูเยว่ใช้ปลายพัดเชยคางนางขึ้นมา นัยน์ตาสีน้ำตาลที่ทอประกายเย้ายวนใจ เจ้าเล่ห์ราวกับหมาป่าจ้องมองลูกแกะนั้น จ้องมองเด็กสาว “แม่นางมู่ เจ้าโง่นั่นสติไม่สมประกอบย่อมไม่รู้วิธีเข้าหาสตรี หากเจ้าต้องการก็สามารถมาหาเราผู้นี้ได้ ตำหนักของเราพร้อมต้อนรับเจ้าเสมอ เราจะทำให้แม่นางมู่รู้เองว่าเรามีอะไรดี
มู่หรูเยว่หรี่ตา พลางปัดพัดตรงหน้าออกไป สายตาเย็นชาจ้องมองเขาอย่างรังเกียจ “ต้องให้ข้าพูดซ้ำอีกกี่ครั้งข้าไม่สนใจพวกม้าพ่อพันธุ์อย่างท่าน คนอย่างท่านคงทำเรื่องมั่วโลกีย์บ่อยครั้ง ร่างกายมีแต่เชื้อโรค ยิ่งท่านยืนต่อหน้าข้า ข้ายิ่งรู้สึกว่าท่านน่ารังเกียจ
เย่อี้ฮวาชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะแสดงท่าทางยั่วเย้าเช่นเดิม “แต่งงานกับเจ้าโง่นั่นไม่ต่างอะไรกับเป็นม่าย เราเชื่อว่าสุดท้ายเจ้าก็ต้องมาหาเราแน่นอน ด้วยความชำนาญของเรา ต่อให้เป็นสตรีบริสุทธิ์ก็คงไม่ทรมาณเท่าไหร่นัก
มู่หรูเยว่หัวเราะเบาๆ “ร่างกายท่านมีแต่เชื้อโรคขนาดนั้น ข้าไม่มีทางให้เชื้อโรคสกปรกแปดเปื้อนตัวข้าแน่นอน ฝ่าบาท ถ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้ว เชิญ
หลังจ้องมองเด็กสาวอย่างจริงจังอยู่ครู่หนึ่ง เย่อี้ฮวาก็หัวเราะออกมา “เราแค่หวังว่าหลังจากเจ้าตบแต่งกับญาติผู้น้องข้า เจ้าจะไม่มาร้องไห้ซบอกเราก็เท่านั้น
เขา เย่อี้ฮวา มีดีทั้งพรสวรรค์และหน้าตา ดังนั้นจึงมีสตรีมากมากอยากมีสัมพันธ์เพียงชั่วข้ามคืนกับเขา เขาไม่อาจเชื่อว่าจะมีเด็กสาวที่ไม่หลงเสน่ห์ของเขาด้วย
ถึงแม้เขาจะไม่ได้ตบแต่งนางเป็นชายา คงไม่เลวนักที่จะทำให้นางเป็นของเขา ถึงอย่างไรคนโง่ผู้นั้นก็คงไม่รู้วิธีสานสัมพันธ์กับสตรีอยู่ดี
หลังจากฮ่องเต้สือเยว่สั่งเลิกประชุม มู่ชิงก็ไม่รอมู่หรูเยว่ เขารีบร้อนอยากแจ้งข่าวดีต่อมู่ถิงเอ๋อร์ ผลคือมู่หรูเยว่หลงทางอยู่ในวังหลวงอันกว้างขวาง
ตีเจ้าโง่ให้ตาย! ตีมันให้ตาย!
ใช่แล้ว จะปล่อยให้คนโง่แบบนี้อยู่ในวังได้อย่างไร?”
เจ้าโง่ ข้าจะบอกอะไรเจ้า เสด็จพ่อหาชายาให้เจ้าแล้วนะ คนไร้ค่าอันดับหนึ่งในเมืองยังไงล่ะ คนโง่กับคนไร้ค่า ฮ่า ฮ่าๆ ช่างสมน้ำสมเนื้อเสียจริง!
ทันในนั้นนางได้ยินเสียงเอะอะโวยวายข้างหน้า
มู่หรูเยว่เงยหน้ามองตรงไป นางเห็นร่างอ่อนแอไร้ทางสู้ถูกรุมล้อมด้วยบรรดาองค์ชายและองค์หญิงที่แต่งตัวหรูหรา
หลังจากได้ยินเสียงคุ้นเคย มู่หรูเยว่ก็ตกตะลึง นั่นไม่ใช่เด็กหนุ่มที่หล่นมาทับนางเมื่อวานหรอกหรือฟังจากบทสนทนาหรือว่าที่แท้เขาคือกุ่ยหวัง เด็กหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลา ท่าทางอ่อนต่อโลกผู้นี้จะมีรูปร่างเหมือนภูติผีได้อย่างไรกัน?
ข้า ข้าแค่มาเก็บว่าว…”
เด็กหนุ่มขบริมฝีปากแน่น ท่าทางน่าสงสารของเขาทำให้เขาดูเหมือนสัตว์ตัวน้อยๆ นั่นทำให้องค์หญิงบางคนใจอ่อน นางดึงแขนเสื้อองค์ชายเอาไว้ พลางเอ่ย “พอแค่นี้เถอะ
พอแค่นี้เถอะเจ้าหมายความว่าอย่างไรเจ้าโง่นี่เข้ามาเองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเสด็จพ่อ ข้าจะปล่อยเขาไปได้ยังไง?”
หลังพูดจบ องค์ชายก็ขโมยว่าวมาจากมือเด็กหนุ่มและฉีกว่าวออกเป็นสองส่วน ก่อนจะเขวี้ยงใส่หน้าเด็กหนุ่มอย่างรุนแรง “เอ้า นี่ว่าวของเจ้า!
เด็กหนุ่มก้มหน้าต่ำดูเหมือนกำลังเสียใจที่ว่าวของตนถูกทำลาย ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าใบหน้าหล่อเหลาไม่มีแม่เพียงเศษเสี้ยวของความน้อยใจ

2 comments:

  1. นางช่างกล้าพูดจริงๆ แปลกที่ไม่โดนลงโทษนะ

    ReplyDelete
  2. นางเอกมีสนมรักฮ่องเต้ช่วยเหลือ แสดงว่าต้องมีความดีงามไม่น้อย
    อยากรู้จังว่าเพราะอะไร ที่บ้านถึงไม่รัก แค่สอบไม่ผ่านแค่นั้นเองเหรอ

    ReplyDelete