บทที่ 121 กลับถึงเฟิ่งเฉิง ฝ่าบาทเรียกเข้าเฝ้า
เรือนมู่เงียบสงัด แตกต่างจากหลายเดือนก่อนที่มู่หรูเยว่จากมาอย่างสิ้นเชิง
ขณะที่มู่หรูเยว่ก้าวเข้าไปนางเกือบชนกับหลี่ลู่ที่กำลังรีบร้อนออกจากเรือนมู่ เขาเงยหน้ามองเด็กสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้า นัยน์ตาเป็นประกาย “นายหญิง ท่านกลับมาแล้วหรือ? เมื่อครู่ฝ่าบาทเพิ่งส่งคนมาประกาศราชโองการเรียกให้ท่านเข้าเฝ้า ไม่เพียงเท่านั้นฝ่าบาทยังทรงเรียกให้กุ่ยหวังเข้าเฝ้าด้วย”
เข้าวังหลวง?
มู่หรูเยว่ขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนหยักศีรษะ “ข้าทราบแล้ว”
ไม่รู้ด้วยสาเหตุอันใด หัวใจของนางจึงรู้สึกไม่สงบ หรือว่าการเข้าวังหลวงครั้งนี้จะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น?
“จริงสิ หลี่ลู่ หากข้าไปนานแล้วยังไม่กลับมา เจ้าจงไปที่ที่สำนักชิงหยุนประจำการอยู่ หาคนที่ชื่ออาวุโสจ้าว ให้เขาเข้าวังหลวงเพื่อตามหาข้า”
เมื่อเอ่ยเช่นนั้น นางก็ไม่รั้งอยู่ต่อ หมุนตัวและก้าวเดินออกไป
หลี่ลู่ตกตะลึง จ้องมองมู่หรูเยว่อย่างสงสัย หรือว่านายหญิงของเขาจะมีความสัมพันธ์กับสำนักชิงหยุน? อย่างนั้นก็คงไม่แปลกใจที่นางมียาชำระไขกระดูกมากมายขนาดนั้น
วังหลวง ภายนอกดูงดงามตระการตา และหรูหราอลังการอย่างมาก จะมีสักกี่คนที่ล่วงรู้เรื่องราวที่ซุกซ่อนอยู่หลังประตูเล็กๆบานนั้นว่าต้องแลกมาด้วยเลือดเนื้อสักเท่าไหร่? วังหลวงนั้นช่วงชิงวัยเยาว์ของเด็กสาวมานับไม่ถ้วน
หลังประตูบานนั้นลึกลับดั่งห้วงสมุทร เมื่อย่างกรายเข้ามาแล้วอาจต้องสูญเสียอิสรภาพโดยสิ้นเชิง
มู่หรู่เยว่นึกถึงหยากุ้ยเฟย หญิงสาวที่ทั้งงดงามและเสน่ห์ และทอดถอนใจออกมา นางเป็นแค่หญิงสาวที่น่าสงสารถูกบีบบังคับให้ก้าวเข้ามาในประตูเล็กๆบานนี้
เหตุใดข้าจึงถอนหายใจเช่นนี้ด้วย?
ทันทีที่มู่หรูเยว่ก้าวเข้ามาในวังหลวง ทหารจิ่นอีเว่ย (องครักษ์เสื้อแพร) จำนวนมากต่างก็ชี้ปลายกระบี่มาที่ร่างของนาง นางถูกล้อมโดยผู้คนเหล่านี้
เมื่อเห็นผู้คนเหลานี้ ริมฝีปากของมู่หรูเยว่คลี่ยิ้มเย็นชา นางมีลางสังหรณ์แต่แรกแล้วว่าการถูกฮ่องเต้เรียกเข้าเฝ้านั้นไม่ใช่เรื่องดี
หากไม่เพราะอู๋เฉินอยู่ที่นี่ นางคงไม่ยอมเป็นลูกแกะเดินเข้าถ้ำเสือเป็นแน่
“นี่คือวิธีต้อนรับแขกของฝ่าบาทงั้นหรือ?”
มู่หรูเยว่เงยศีรษะขึ้น สายตาเย็นชาของนางมองผ่านกลุ่มทหารองครักษ์ไปยังชายที่สวมชุดสีเหลืองทองด้านบน ริมฝีปากคลี่ยิ้มเย้ยหยันยิ่งกว่าเดิม
“เราไม่มีทางเลือก เพียงแต่ทำตามคำสั่ง” ฮ่องเต้สือเยว่แค่นยิ้มเย็นชา ใบหน้าแก่ชราของเขาดูเคร่งขรึม พลางเอ่ยเสียงเย็น “แม่นางมู่ หวังว่าเจ้าจะยอมรับฟังเราดีๆ เบื้องบนรู้ว่าเจ้าไม่มีทางรับคำเชื้อเชิญง่ายๆ เราจึงได้แต่ใช้วิธีนี้”
คำพูดของเขาเปี่ยมด้วยอำนาจอันแสนราบเรียบเย็นชา ซึ่งแฝงไปด้วยกลิ่นอายของกษัตริย์
ทันใดนั้น มู่หรูเยว่คลี่ยิ้มออกมา รอยยิ้มของนางงดงามอย่างมาก เพียงแต่นัยน์ตาของนางยังคงฉายแววเยียบเย็น “อู๋เฉินอยู่ที่ไหน!”
เมื่อนางเอ่ยขึ้น น้ำเสียงตกใจจากเบื้องหลังฮ่องเต้สือเยว่ก็ดังขึ้น “ชายา”
ตามมาด้วย ร่างในชุดสีม่วงแทรกผ่านช่องว่างอย่างรวดเร็ว มาหยุดอยู่ตรงหน้ามู่หรูเยว่
เมื่อนางเห็นใบหน้าหล่อเหลาของเขาหลังจากไม่ได้เห็นมาแสนนาน หัวใจก็เต้นรัว มีเพียงสวรรค์ที่รู้ว่าช่วงหลายเดือนที่ผ่านมานางคิดถึงชายผู้นี้มากแค่ไหน น้ำเสียงกระจ่างใสของเขาที่ปลุกนางทุกเช้ากลายเป็นความเคยชินไปแล้ว
ความเคยชินเป็นสิ่งน่ากลัว เมื่อเริ่มเคยชินกับมันแล้วก็ยากที่จะยอมสูญเสียมันไป
“เจ้าไม่ควรมาที่นี่”
ทันใดนั้น มู่หรูเยว่คล้ายกับได้ยินเสียงพึมพำ น้ำเสียงนั้นเปี่ยมเสน่ห์และแฝงไปด้วยความอับจนหนทาง เมื่อนางพยายามฟังให้ชัดเจนขึ้น น้ำเสียงนั้นก็หายไปแล้ว
บางทีนางอาจจะคิดไปเอง...
“ชายา” เย่อู๋เฉินกุมมือของนางแน่น เขาเคลื่อนกายอย่างรวดเร็วยืนปกป้องนางจากเบื้องหน้า นัยน์ตากระจ่างใสของเขากวาดมองผู้คนโดยรอบอย่างดุร้าย เขาเอ่ยเสียงข่มขู่ราวกับเด็ก “พวกเจ้าห้ามรังแกชายาของข้านะ!”
นัยน์ตาของเขาดุร้ายราวกับสัตว์ป่า เต็มไปด้วยความระแวดระวัง ราวกลับกลัวว่าคนเหล่านี้จะเข้ามาทำร้ายเด็กสาวที่อยู่เบื้องหลัง
posted from Bloggeroid
ขอบคุณครับ
ReplyDeleteขอบคุณค่า รออๆ
ReplyDeleteมีความแบ๊ว ในใจนี่"ใครแตะเมียข้า ผูนั้นตาย!!!!!!"5555
ReplyDeleteและแล้วกุ้งหวั่งก็ยังแอปอยู่
ReplyDeleteชายแอ๊บยังไม่เผยโฉมสินะ
ReplyDeleteแอ๊บต่อไปค่ะ เราชอบที่ท่านแอ๊บเหลือเกิน 55555
ReplyDeleteโถๆๆพ่อเด็กแอ๊บ
ReplyDeleteเฉินๆนี่เสือห่มหนังแกะมากค่ะ แต่ก็ปกป้องนางเอกเต็มที่นะสู้ๆ
ReplyDeleteขอบคุณครับ
ReplyDeleteมีความตะมุตะมิ งื้อ
ReplyDelete